สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับสมาคมการค้าวาณิชธุรกิจไทย-จีน (Thai-China Business Union) ลงนามก่อตั้ง “ศูนย์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และวัฒนธรรม อู่ฮั่น-อาเซียน” วางใช้กลไกนำสินค้า SMEs ด้านอาหารและเครื่องดื่ม โดยเฉพาะกาแฟ-เครื่องปรุงเมนูอาหารไทย เจาะผ่านเครือข่ายร้านอาหารไทย The Flying Thai Food “เฟ่ยไท่ชาน”ของ บริษัท จอยเอ็นโค จำกัด ที่มี 8 สาขาในประเทศจีน พร้อมประสานดึงเทคโนโลยีนวัตกรรมมาสนับสนุนธุรกิจ Startup-SMEs
เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2564 ได้พิธีการลงนามตั้งศูนย์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และวัฒนธรรมอู่ฮั่น-อาเซียน ระหว่าง นายปิยะศักดิ์ พงศ์อัมพรศักดา รองประธานสมาคมการค้าวาณิชธุรกิจไทย-จีน (Thai-China Business Union) นายวโรดม ปิฎกานนท์ ประธานคณะทำงานด้านการค้าการลงทุนและการค้าชายแดนภาคเหนือ หอการค้าไทย และนายอาคม สุวรรณกันธา ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย จังหวัดเชียงใหม่ กับสมาคมประชาสัมพันธ์อู่ฮั่น
โดยทางเมืองอู่ฮั่นมีผู้แทนลงนามประกอบด้วย Mr. Yin Hao เลขาธิการ China Time-honed Investment Alliance และประธาน Midwest Elite Enterprise Club 2. Ms. Xiong Hanxian รองประธานสหภาพแรงงานอู่ฮั่น 3. ศาสตราจารย์ Ma Xiao คณบดีภาษาต่างประเทศ มหาวิทยาลัยอู่ฮั่น 4. Mr. Ye Qing รองผู้อำนวยการสำนักสถิติมณฑลหูเป่ย์ 5. ศาสตราจารย์ Xiao Jiayan ผ.อ.ศูนย์ MTI แห่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีหูเป่ย์
นายอาคม สุวรรณกันธา ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่าการลงนามความร่วมมือกับทางสมาคมประชาสัมพันธ์อู่ฮั่น ถือว่าจังหวัดเชียงใหม่เป็นจังหวัดแรกที่ได้ตกลงที่จะสร้างความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนสินค้า SMEs เทคโนโลยี และทางด้านวัฒนธรรมระหว่างกัน เป็นโอกาสที่ดีมากที่จะได้เชื่อมกับศักยภาพของเมืองอูฮั่นที่พลิกฟื้นตัวอย่างรวดเร็วด้วยศักยภาพการเป็นเมืองศูนย์กลางการศึกษาที่มีถึง 84 มหาวิทยาลัย มากที่สุดในโลกมีนักศึกษามากกว่า 1.3 ล้านคน เป็นนครที่ใหญ่ที่สุดในมณฑลหูเป่ย์ มีประชากรกว่า 11 ล้านคน มีประชากรมากที่สุดอันดับ 7 ในประเทศจีน เป็นศูนย์กลางการขนส่งขนาดใหญ่ใจกลางประเทศจีน ซึ่งการเปิดตัวเชื่อมครั้งนี้จะได้มีการขยายความร่วมมือไปยังเมืองสำคัญในอาเซียนต่อไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่งทราบว่าจีนมีความต้องการสินค้าไทย โดยเฉพาะด้านเครื่องดื่มและอาหาร เช่น กาแฟที่มีอัตราการเติบโตสูงโดยในปี 2563 ขนาดของตลาดกาแฟจีนมีมูลค่า 300,000 ล้านหยวน มีการบริโภคกาแฟต่อหัว 7.2 แก้ว/คน/ปี และคาดว่าในปี 2568 คาดการณ์ว่าขนาดตลาดกาแฟของจีนจะมีมูลค่ามากกว่า 1 ล้านล้านหยวน นอกจากนั้นก็ร้านอาหารไทยก็ยังได้รับความนิยมและยิ่งมีสินค้าที่มาจากเมืองที่ได้สร้างความชื่นชอบจากคนจีนเช่นเชียงใหม่และภาคเหนือก็จะได้เปรียบ โดยหลังจากนี้จะได้ประสานร้านอาหารไทยในประเทศจีนเพื่อนำสินค้าของ SMEs ไปเปิดตลาด นอกจากนั้นยังจะได้เชื่อมโยงด้านธุรกิจนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่จะยกระดับสินค้าไทยผ่าน SMEs-Start up ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ต่อไป
ดร.นิติภูมิธณัฐ มิ่งรุจิราลัย ประธานบริษัท จอยเอ็นโค จำกัด ผู้บริหารร้านอาหารไทย The Flying Thai Food หรือ “เฟ่ยไท่ชาน”ร้านค้าปลีกสินค้าและอาหารไทยในประเทศจีน ได้กล่าวในช่วงการเสวนา หัวข้อ “มองโอกาสในวิกฤติเจาะโอกาสทางการค้าในอู่ฮั่น” ว่าการเชื่อมไปยังเมืองอู่ฮั่นเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญเนื่องจากเป็นมหานครทางด้านการศึกษาและโลจิสติกส์ และเห็นว่ามีโอกาสที่สินค้าไทยโดยเฉพาะสินค้าจาก SMEs จะขยายตัวได้สูงมาก โดยเฉพาะด้านเครื่องดื่มและอาหาร เช่นกาแฟที่คนจีนนิยมเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงร้านอาหารไทย ที่ปัจจุบันทางบริษัทได้ดำเนินธุรกิจภัตตาคารและสถานที่ขายสินค้าไทยในห้างสรรพสินค้า K11 นครอู่ฮั่น และในอีกหลายมณฑล และมีแผนที่จะเปิดตัวอีก 4 สาขา รวมเป็น 8 สาขาในจีน เช่น Joycity ฉางชา , MixC ซัวเถา, Joycity ที่กุ้ยหยาง และ K11 ที่หนิงปัว
ปัจจัยสำคัญในการทำธุรกิจร้านอาหารที่จีนนอกจากมาตรฐานที่จะต้องผ่านแล้ว สำคัญมากที่สุดในขณะนี้คือการพัฒนาบุคลากรที่บริหารในร้านที่ต้องเข้าใจวัฒนธรรม และเอกลักษณ์ของไทย ซึ่งจีนยังนิยมสินค้าไทยที่มาจากจังหวัดเชียงใหม่ และภาคเหนือของไทย รองลงมาคือการรักษามาตรฐานด้านสุขภาพอนามัย รวมถึงการทำตลาดผ่าน Social Media ของจีน ซึ่งทางบริษัทฯ พร้อมที่จะเชื่อมโยงนำสินค้าไทยโดยเฉพาะจากผู้ประกอบการ SMEs ของไทยไปเปิดทดลองตลาดและจำหน่ายในร้านอาหารของไทย รวมถึงสนับสนุนด้านกลยุทธ์การเจาะตลาดจีนในอนาคต