มอบรถยนต์ Hyundai STARGAZER X6 สีทอง รถยนต์น่าใช้สำหรับครอบครัว
เอชดีเจมอเตอร์ ฮุนไดเชียงใหม่ โดยที่ปรึกษาการขาย ร่วมแสดงความยินดีพร้อมส่งมอบรถใหม่ ให้กับคุณธัญชนน ยกตรี Hyundai STARGAZER X6 สีทอง ...
- ข่าวยานยนต์
- |
- 23 ต.ค. 2568, 14:15
- |
- 337
"เรือนกาแล" หรือ "เฮือนก๋าแล" เป็นชื่อเรียกเรือนไม้พื้นถิ่นของชาวล้านนามีรูปแบบองค์ ประกอบ วิธีการปลูกเรือน และคติความเชื่อเกี่ยวกับเรือนที่เป็นอัตลักษณ์เฉพาะ เรือนกาแลแต่ละหลังจึงมีความหมายมากกว่าการเป็นแค่เพียงเรือนพักอาศัย เพราะเป็นผลงานสร้างสรรค์ที่สะท้อนภูมิปัญญาในการปรับตัวของมนุษย์ให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม ผสานกับความเชื่อในวิถีชีวิตของคนล้านนา
ทว่ายุคปัจจุบันค่านิยมในการดํารงชีวิตได้เปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้เรือนกาแลไม้เก่าแก่ถูกรื้อลง ไปมากในช่วง 50 ปีที่ผ่านมานี้ ยากที่จะพบเห็นเรือนกาแลที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ ส่วนมากมักนําไม้ไขว้ กากบาทที่เรียกว่า "กาแล" ซึ่งแกะสลักขึ้นใหม่ ติดประดับอยู่ที่หน้าจั่วของอาคารหรือตึกแถวสมัยใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ได้รับความนิยมมาก จนทําให้เกิดคํากล่าวอันคลาดเคลื่อนว่า "กาแล-เชียงใหม่ สรไน-ลําพูน"
สาเหตุที่กล่าวว่า คําพูดนี้มีความคลาดเคลื่อนก็เพราะ เรือนกาแลนั้นมิใช่เรือนพื้นถิ่นเฉพาะของ จังหวัดเชียงใหม่เพียงแหล่งเดียว แต่ทว่ามีความเป็นสากลมากกว่านั้น เพราะพบโดยทั่วไปในเขต วัฒนธรรมล้านนาทั้งหมด รวมไปถึงวัฒนธรรมบางแหล่งในรัฐฉานของพม่า ในเวียดนามก็พบ ลาวตอนเหนือก็มี กลุ่มประเทศหมู่เกาะแบบอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ก็ยังมี
มิอาจกล่าวได้ว่า "เรือนกาแล" นั้นเป็นสมบัติของกลุ่มชาติพันธุ์ใดชาติพันธุ์หนึ่งเพียงกลุ่มเดียวหากแต่มีการผสมปนเประหว่างชนชาติหลายเผ่าพันธุ์ในเขตอุษาคเนย์ โดยเริ่มต้นจากชาติพันธุ์เก่าแก่ที่สุดในแถบนี้คือชาวลัวะ มอญ (เม็ง) และชาวที่สูงบางเผ่า เช่นกะเหรี่ยง ผสมผสานกับชาวไทลื้อ (รวม ไทเขินและไทยอง) ไทใหญ่ และไทโยน เรียกโดยรวมว่า "ล้านนา" ทุกกลุ่มชนนี้ล้วนสร้างบ้านในลักษณะ "เฮือนก๋าแล" ไม่แตกต่างกันมากนัก
ความเป็นมาของเรือนกาแล มีขึ้นเมื่อไหร่และเริ่มต้นอย่างไร เนื่องจากเรือนกาแลส่วนใหญ่สร้าง ด้วยไม้ อันเป็นวัสดุที่ไม่แข็งแรงคงทน เราจึงไม่อาจพบเรือนกาแลที่มีอายุเก่าแก่มากเกินไปกว่า 150 ปี ทั้งนี้มิได้หมายความว่า เรือนกาแลมีอายุเก่าสุดเพียงแค่หนึ่งร้อยปีเศษ ตรงกันข้าม นักวิชาการด้าน สถาปัตยกรรมต่างเห็นพ้องตรงกันว่า ต้นกําเนิดของเรือนกาแลน่าจะมีอายุไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันห้าร้อยปี กล่าวคือเป็นสถาปัตยกรรมที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กับการเริ่มต้นยุคประวัติศาสตร์ของอารยธรรมหริภุญไชย ที่เข้ามาสถาปนาในแถบลุ่มน้ำแม่ปิงราว พ.ศ.1200 โดยประชากรชาวพื้นเมืองสองกลุ่มหลักคือ "ลัวะ" และ "เม็ง" คงเริ่มปลูกบ้านอาศัยด้วยไม้ยกพื้นสูงแล้ว และมีการใช้เขาควายจริงมาประดับบริเวณหน้า จั่วของบ้าน "เขาควาย" นี้ผู้มีสิทธิ์นํามาประดับได้ต้องเป็นหัวหน้าเผ่า หรือหมอผีเท่านั้น
ในทุกๆ ปีชาวลัวะจะมีการประกอบพิธีกรรมบูชาเสา "อินทขีล" หรือ "เสาสะก้าง" (เสาสะกัง) ซึ่งชาวลัวะเชื่อว่าพระอินทร์ประทานมาให้เป็นเสาหลักบ้านหลักเมือง ประเพณีนี้ยังหลงเหลืออยู่ในกลุ่มชนลัวะเพียงไม่กี่แห่ง อาทิ ลัวะบ้านแม่เหียะ บริเวณพระธาตุดอยคํา หรือลัวะที่พระบาทสี่รอย อําเภอแม่ริม เชียงใหม่ พิธีบูชาเสาอินทขีลต้องมีการเซ่นสังเวยกระบือ โดยนํามาผูกที่เสาแล้วลงมือฆ่า
กระบือนั้น ซึ่งชาวลัวะเชื่อว่าวิญญาณผีปู่แสะย่าแสะ (ผีบรรพบุรุษ) ของตนจะมีความพึงพอใจยิ่งในการที่ลูกหลานได้เซ่นสรวงเนื้อควาย อันที่จริงเมื่อเราวิเคราะห์ให้ดี พบว่าชาวลัวะมีความจําเป็นด้านโภชนาหาร อย่างยิ่ง เนื่องจากชีวิตประจําวันเกือบตลอดทั้งปีได้กินโปรตีนไม่มากนัก ในแต่ละวันบริโภคแต่พืชผักผลไม้และสัตว์เล็กจําพวกแมลงมีปีกและแมลงใต้ดิน ดังนั้นพิธีการสังเวยกระบือของชาวลัวะนั้นมีนัยด้าน โภชนาหารแฝงอยู่
เมื่อผู้นำเผ่าทําพิธีพลีกรรมด้วยกระบือเสร็จจะทําการตัดเขาควายคู่นั้นไปติดประดับที่บริเวณหน้าจั่วหลังคาของบ้าน อันเป็นตําแหน่ง "ปั้นลม" ที่ใช้ติดไม้กาแลในปัจจุบัน โดยเรียกเขาควายนั้นว่า "กะแหล้ง" (กะแล่ง) อันเป็นการแสดงถึงสถานะของผู้ที่เป็นหัวหน้าเผ่า
วัฒนธรรมการนําเขาควายมาประดับในบ้านของชนเผ่าพื้นเมืองนี้มีความพ้องกันหลายแหล่ง สามารถพบได้ทั่วไปในแถบเอเชีย อาทิ ในฟิลิปปินส์ ชาวตากาล็อกเรียกเขาควายที่ใช้ประดับหลังคา บ้านว่า "คาราบาว" หรือในอินโดนีเซียที่เกาะซาราวักและบาหลีก็เรียกเขาควายนี้ว่า "กาลา" จะเห็นได้ว่า ชื่อหลังนี้มีความใกล้เคียงกับคําว่า "กาแล" ไม่น้อย
พัฒนาการของเรือนกะแหล้ง ที่ใช้เขาควายประดับหน้าจั่วของชาวลัวะ คงได้รับการสืบทอดต่อ โดยชาวล้านนาหรือชาวไทโยนอย่างกว้างขวางตั้งแต่ยุคพระญามังราย แล้วค่อยๆ แพร่ขยายขึ้นไปยังชาว ไทลื้อในสิบสองปันนา รวมถึงกลุ่มไทยอง ไทเขิน และกลุ่มไทใหญ่ หรือ "ไต" ในรัฐฉาน ซึ่งคนไททุกกลุ่มที่กล่าวมานี้ล้วนแล้วแต่เป็นผู้มาใหม่ เข้ามาภายหลังอาศัยปะปนอยู่กับชาวลัวะพื้นเมืองดั้งเดิม ซึ่งเป็นประชากรพื้นถิ่นในฐานะบรรพบุรุษของพวกเขาทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้จึงได้กล่าวไว้ ตั้งแต่ตอนต้นว่า วัฒนธรรมการสร้างเรือนกาแลมิได้จํากัดอยู่แค่เพียงจังหวัดเชียงใหม่เท่านั้น หากแต่กระจายตัวอยู่ทั่วไปในกลุ่มชนที่มีเชื้อสายลัวะและชาวไท-ไต
คําว่า "กาแล" "พจนานุกรมศัพท์ศิลปกรรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน เล่ม 1” ได้ให้ความหมายดังนี้
"องค์ประกอบของเรือนไทยทางภาคเหนือ อยู่ตอนบนสุดของหลังคาที่ยื่นจากหน้าจั่ว ทําหน้าที่เหมือนกับปั้นลมของเรือนไทยภาคกลาง ประดับไว้เพื่อแสดงออกถึงลักษณะเฉพาะของเรือนไทยล้านนา ลักษณะเป็นไม้ต่อจากไม้ปิดริมชายคาที่ประสานกันตรงสันหลังคาขึ้นไป"
ทําไมจึงเรียกไม้เช่นนั้นว่า "กาแล" ศาสตราจารย์ไกรศรี นิมมานเหมินท์ อธิบายไว้ในหนังสือชื่อ "ลายคราม" พิมพ์ พ.ศ. 2527 ว่า
"บ้านรูปทรงแบบเก่า ๆ ที่สร้างขึ้นมาในบริเวณภาคเหนือของประเทศไทยนั้น จะมีเสาเรือนขนาดใหญ่ที่มั่นคงแข็งแรง ตรงพื้นเรือนของบ้านที่ยกพื้นขึ้นสูงนี้มีฝาเรือนที่ลาดเอียงออกมาจากพื้นเรือนขึ้นไปสู่ใต้ของหลังคา ตรงจั่วหลังคาทั้งด้านหน้าและด้านหลังของตัวเรือนมีปั้นลมลาดไปตามขอบจั่วหลังคา แล้วไปบรรจบกันที่ปลายจั่วและยื่นต่อออกไป มีลักษณะดุจ "เขาสัตว์" สองคู่ ซึ่งชาวไทยวนในภาคเหนือเรียกว่า ก๋าแล (คืออีกาชําเลืองตาดู) ส่วนชาวไทยวนในจังหวัดราชบุรี เรียกว่า แก๋แล (คือนกพิราบชําเลืองดู) ลักษณะการทําหลังคาบ้านทํานองนี้ พบเห็นมากในหมู่บ้านอีก้อและลัวะในจังหวัดเชียงรายและแม่ฮ่องสอน อย่างไรก็ดี ดูเหมือนว่าทั้งชาวอีก้อและลัวะต่างก็ไม่ทราบถึงความเป็นมาของการสร้างบ้านแบบนี้ นอกเสียจากว่าเพื่อความงดงามสวยงามเท่านั้น การทําหลังคานี้มีรูปแบบคล้ายๆ กันหลายที่ พบเห็นได้เช่นกันในรัฐฉานและรัฐว้าของพม่า ในมณฑลอัสสัมของอินเดีย ในเกาะสุมาตราของอินโดนีเซีย และแม้แต่ในญี่ปุ่น บ้านของชาวไทลื้อในสิบสองปันนาของประเทศจีนตอนใต้และในลาวก็มีปลายจั่ว หลังคารูปทรงเขาสัตว์แบบดั้งเดิมนี้เหมือนกัน"
จากข้อความดังกล่าว เห็นว่าท่านศาสตราจารย์ไกรศรี นิมมานเหมินท์เอง ก็ไม่มีความแน่ใจใน ประวัติความเป็นมาของ "กาแล" เท่าใดนัก เรื่องที่มาของกาแลจึงยังไม่มีความชัดเจนเป็นที่ยุติในวงวิชาการ มีแต่ข้อสันนิษฐานว่าน่าจะมาจากความเชื่อต่างๆ กัน
กาแลคือเขาควายของชาวลัวะ?
ทฤษฎีหนึ่งที่คนล้านนาจำนวนมากยอมรับว่ามีความเป็นไปได้ เนื่องจากในปัจจุบันมีหมู่บ้านชาวลัวะหลายแห่งยังคงทําประเพณีฆ่าควายเพื่อบวงสรวงผีบรรพบุรุษของพวกเขากันอยู่ ครั้นเสร็จพิธี ก็มักเอาเขาควายขึ้นไปประดับบนยอดหลังคา คล้ายๆ กับเป็นเครื่องแสดงให้เห็นถึงความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ อาจเป็นไปได้ว่า นี่คือที่มาของการนําไม้มาเหลาเป็น "กะแหล้ง" เลียนแบบเขาควายเพื่อใช้ประดับหลังคาบ้านของชาวลัวะคนอื่นๆ ที่ไม่ใช่ผู้นําชนเผ่า ไม่สามารถจะล้มควายได้ จากนั้นคนไทโยน (คนเมือง) หรือชาวล้านนาก็รับเอาอิทธิพลกาแลรูปเขาควาย อันนี้ไปใช้อย่างกว้างขวาง
ฤๅกาแล คือไสยศาสตร์ของชาวพม่า ?
ศาสตราจารย์ไกรศรี นิมมานเหมินท์ กล่าวว่าบางทฤษฎีเชื่อว่ากาแลคือเครื่องหมาย "กากบาท" ที่ชาวพม่าตราประทับไว้ให้กับบ้านชาวไทโยนในช่วงที่ล้านนาประเทศตกเป็นเมืองขึ้นของพม่านานถึง 200 ปีเศษ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างบ้านของผู้นําชาวพม่าในดินแดนล้านนากับบ้านของชาวล้านนาที่ถูกพม่าปกครอง เครื่องหมายไขว้รูป "กากบาท" เทียบได้กับหว่างขาของชาวพม่าที่เสกคุณไสยเข้า ครอบงําชีวิตชาวล้านนาให้ไม่กล้าลุกฮือ ยอมตกอยู่ภายใต้มนต์ขลังอํานาจของชาวพม่า
มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่ารูปทรงฝาผนังของเรือนกาแลนั้นยังไม่ได้ตั้งฉากตรงๆ อีกด้วย แต่มีลักษณะผายออกตอนบน ตอนล่างสอบเข้า คล้ายกับรูปทรงของโลงศพ อุปมาอุปไมยว่า ชาวล้านนาถูกพม่าบังคับให้อาศัยอยู่ในเรือนที่มีลักษณะเหมือนหีบศพ ด้วยเหตุนี้นี่เอง ชาวไทโยนจึงตกอยู่ใต้อาณัติของพม่านานถึง 217 ปี?
หลายคนได้กระทําพิธีล้างอาถรรพ์ ด้วยการถอดไม้กาแล (รวมทั้งไม้หัมยนต์) ออกมาแล้วลอดใต้หว่างขาก่อนฝังลงดินในป่าช้า ทุกวันนี้เรือนภาคเหนือที่ยังปักกาแลแบบดั้งเดิมนั้นเหลืออยู่เพียงแค่ไม่กี่ หลังแล้ว นอกนั้นล้วนเป็นของทําใหม่ทั้งสิ้น
ฤๅกาแล คือ Kala ของศิลปะชวา?
ยังมีอีกทฤษฎีหนึ่งที่ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.มณี พยอมยงค์ เสนอด้วยการใช้ความรู้
ด้านภาษาศาสตร์เข้ามาช่วย โดยตั้งข้อสังเกตว่า "ตัวกาแล" นี้มิได้มีเฉพาะบ้านคนเหนือเท่านั้น การทําปั้นลมบนหลังคาเป็นรูปกากบาทนั้น ควรเป็นวัฒนธรรมร่วมของชาวอุษาคเนย์มากกว่า ในเกาะชวาและบาหลีของอินโดนีเซียก็มีความนิยมในการทําปั้นลมรูปกากบาท คนอินโดเรียกว่าตัว "กาลา" หรือ Kala หมายถึงเทพเจ้าผู้กลืนกินกาลเวลา พัฒนามาจากตัวหน้ากาลหรือราหูที่เคยใช้ประดับเหนือซุ้มประตูทางเข้าอาคารมีหน้าที่เฝ้าศาสนสถานและ ป้องกันภูตผีปีศาจ
ในขณะเดียวกัน เราเคยพบหลักฐานตัวปั้นลมรูปกาแลซึ่งน่าจะเก่าแก่ที่สุด ณ บริเวณจีนตอนใต้ ในแคว้นยูนนาน ได้มีการขุดพบรูป "กาแล" จําลองขนาดเล็กทําด้วยสําริด มีอายุราว 2,500 ปีเศษ ใน หลุมศพปะปนกับโครงกระดูกของมนุษย์โบราณในวัฒนธรรมดองซอน อันเป็นยุคสมัยที่มีความผูกพัน และเกี่ยวเนื่องกับกลุ่มชนก่อนประวัติศาสตร์ในประเทศไทยมาแล้วเช่นกัน
บทสรุปแห่งกาแล
แม้ทฤษฎีต่างๆ จะขัดแย้งกัน แต่ในความเป็นไปได้นั้น "กาแล" ควรเป็นคําเดียวกันกับ "Kala" ของชวา โดยเดินทางมาไกลจากอู่อารยธรรมอินเดียประเทศแม่ เข้าสู่หมู่เกาะในมหาสมุทรอินเดีย-แปซิฟิกโดยพ่อค้าและนักเผยแพร่ศาสนา ผ่านขึ้นมายังสุวรรณภูมิอันมีอาณาจักรโบราณอาทิเช่น ฟูนัน ดองซอน มอญ และขอม โดยมิได้แบ่งแยกลัทธินิกายพุทธ-พราหมณ์ -อิสลาม ในที่สุดก็เข้ามาผสมผสานกับความเชื่อของพวกลัวะในเรื่องการเซ่นไหว้ผีปู่ย่าด้วยเขาควาย ต่อมา ได้พัฒนารูปร่างหน้าตาขึ้นใหม่จนเป็นไม้กากบาท โดยชาวไทโยนเพื่อนํามาใช้เป็นสัญลักษณ์ในการปลูกสร้างบ้านเรือนของพวกเขา
แม้ว่าปัจจุบันนี้ตัว "กาแล" ของล้านนาจะมีหน้าตาที่แตกต่างไปจาก "Kala" ของชวา แต่รากศัพท์ของสองคํานี้ก็ฟ้องว่ามันน่าจะมีความสัมพันธ์กันอย่างแนบแน่น ส่วนการถูกเรียกว่า "แก๋แล" จน กลายเป็น "นกผ่อ" นั้น น่าจะเป็นการลากคํา-โยงความขึ้นมาใหม่ของคนยุคหลัง เนื่องจากในท้ายที่สุดแล้ว หน้าที่โดยอ้อมของมันยังได้กลายเป็นปั้นลมช่วยไล่ไม่ให้นกกาเกาะอีกโสดหนึ่งด้วย 25-26 หน้ากาล (Kala) ของชวา อินโดนีเซีย และที่วัดป่าสัก เชียงแสน
…..เรียบเรียงโดย….ดร.เพ็ญสุภา สุขคตะ…..
เอชดีเจมอเตอร์ ฮุนไดเชียงใหม่ โดยที่ปรึกษาการขาย ร่วมแสดงความยินดีพร้อมส่งมอบรถใหม่ ให้กับคุณธัญชนน ยกตรี Hyundai STARGAZER X6 สีทอง ...
เทศกาลแห่งอนาคตในงาน XPENG Carnival รวมความสนุก ยานยนต์อัจฉริยะ และข้อเสนอสุดพิเศษXPENG Chiang Mai จัดกิจกรรม “XPENG CARNIVAL” มอบประสบการณ์การขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าแห่งอนาคต ที่รวบรวมความสนุ...
ห้ามพลาด‼️ HYUNDAI ROAD SHOW 🚗Spooky Deal ข้อเสนอพิเศษที่บูธ ฮุนไดเชียงใหม่ นิธิบูรณ์ ที่งาน Auto Showตั้งเเต่วันที่ 16 - 22 ตุลาคม 2568 นี้เท่านั้น!📍 ณ ศูนย์การค้า เซ็นทรัล เเอร์พอร์ต ชั้น G ลานกิจกร...
🚩HYUNDAI ROAD SHOW at Central Festival Chiangmai🚩🟢 พบกับ The all-new Hyundai SANTA FE รถยนต์ SUV โดดเด่นด้วยรูปทรงเหลี่ยมสไตล์ BOXY Design พร้อมไฟหน้าและไฟท้ายดีไซน์ H-Shape แบบ LED 🟢 พบกับ Hyund...
เอชดีเจมอเตอร์ ฮุนไดเชียงใหม่ โดยที่ปรึกษาการขายเซลส์มุ้ย ร่วมแสดงความยินดีพร้อมส่งมอบรถใหม่ ให้กับนายธีรศักดิ์ จันตาสิงห์Hyundai STARIA Elite Plus (Euro5)สีดำ ...
ยกขบวนงาน DEEPAL CARNIVAL “DRIVE YOUR EXPERIENCE” มาเชียงใหม่ครั้งแร❗️🛞 ที่คุณจะสามารถ TEST DRIVE รถยนต์ DEEPAL ได้ทุกรุ่น แบบจัดเต็มในงานเดียว📅 วันที่ : 9-12 ตุลาคม 2568At Central Airport Chian...