อาวุธโบราณในล้านนา

            บทความนี้จะนำเสนอถึงวิวัฒนาการของอาวุธในสมัยโบราณที่ใช้ในดินแดน เน้น “ปืนใหญ่” กับกลุ่ม “ศาสตราวุธที่ใช้พุ่ง” มากกว่า “ศาสตราวุธที่ฟันหรือแทง” โดยภาพประกอบเกือบทั้งหมดเป็นโบราณวัตถุที่จัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หริภุญไชย

การใช้อาวุธมีมาแล้วตั้งแต่มนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ เป็นพัฒนาการมาจากเครื่องมือเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน ดังที่ได้ปรากฏหลักฐานอยู่ทั้งบนภาพเขียนผนังถ้ำ และจากโบราณวัตถุ

หลักฐานจากภาพเขียนสีบนผนังถ้ำ มีการเขียนภาพคนถืออาวุธต่างๆ ประกอบด้วยคันกระสุนหรือธนู เล็งไปที่ตัวสัตว์ บางครั้งอาจมีสุนัขเป็นเพื่อนในการไล่ล่า เช่นที่ถ้ำประตูผา อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง และที่ถ้ำผาแดง อ.ลี้ จ.ลำพูน บางครั้งเขียนภาพคนกำลังล้อมวงไล่ต้อนจับสัตว์ด้วยมือเปล่า ไม่แสดงอาวุธ พร้อมกันนั้นยังพบภาพเครื่องมือเกษตรกรรมประเภทจอบ ผาล วี (สำหรับพัดข้าวลีบ) สะท้อนให้เห็นว่าชุมชนก่อนประวัติศาสตร์เป็นชุมชนเกษตรกรรม รู้จักเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์แล้ว มีเทคนิคในการทำเครื่องมือโลหะใช้ในชีวิตประจำวัน อันเป็นพัฒนาการทางสังคมของมนุษย์ราว 5,000 – 2,000 ปีที่ผ่านมา

ส่วนหลักฐานทางโบราณคดี ได้มีการพบเครื่องมือเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันมาตั้งแต่ยุคหิน ยุคเหล็ก และยุคสำริด อายุราว 100,000 - 7,000 ปีมาแล้ว ประกอบด้วย

ยุคหิน มีเครื่องมือขวานหินกะเทาะ ขวานกำปั้น และขวานหินขัด ทำจากหินไรโอไลท์ และเครื่องมือประเภทหินกรวดขนาดกลางและขนาดเล็ก จัดเป็นยุคของสังคมล่าสัตว์และเก็บของป่า ยังไม่รู้จักการเพาะปลูก 

ยุคเหล็ก มีใบหอก มีด ขวาน หลาว ห่วง เคียว เป็นยุคที่ผู้คนรู้จักหาผลหมากรากไม้จากป่า และอาจเริ่มเพาะปลูกพืชหลายชนิด

ยุคสำริด มีขวานสำริด ใบหอกสำริด จากแหล่งโบราณคดีหลายแห่งมักพบร่องรอยของโครงกระดูกที่ถูกขวานสำริดฟันอย่างแรงจมอยู่คาศพ เป็นยุคที่มีพัฒนาการทางสังคมและเทคโนโลยีที่เจริญขึ้นในระดับหนึ่ง และยังมีการติดต่อกับชุมชนภายนอกที่ห่างไกลออกไป

อาวุธโบราณของอยุธยา (ร่วมสมัยกับล้านนา)

            เมื่อเข้าสู่สมัยประวัติศาสตร์ไทยยุคแรกๆ นั่นคือตั้งแต่สมัยทวารวดี ศรีวิชัย ลพบุรี เรื่อยมาจนถึงสุโขทัย สามารถศึกษาหลักฐานของอาวุธโบราณได้จากภาพสลักลายปูนปั้นดินเผา และจิตรกรรมฝาผนัง โดยมากเป็นอาวุธพื้นๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวันประเภทฟันแทง เช่น มีด ดาบ หอก ธนู คันศร หลาว แหลน หน้าไม้ เทคนิควิทยาในการทำอาวุธปืนไฟและกระสุนดินปืนนั้นยังไม่เป็นที่รู้จัก

สมัยอยุธยาสามารถหล่อปืนใหญ่ได้แล้วก่อนที่ชาวยุโรปจะเข้ามา เพราะมีหลักฐานว่าเมื่อโปรตุเกสยึดมะละกา สามารถยึดปืนใหญ่จากป้อมของมะละกาได้ถึง 300 กระบอก แต่ปืนใหญ่เหล่านี้ยิงไม่ได้ไกลและมีประสิทธิภาพน้อยกว่าปืนขนาดเดียวกันของยุโรป

            ในรัชสมัยของพระราเมศวร (พ.ศ.1931-1938) ในคราวยกทัพไปล้อมนครเชียงใหม่ ตามพระราชพงศาวดารกล่าวว่า "ฝ่ายเจ้าหน้าที่ปืนใหญ่ออกมากำแพงพัง 5 วา" หมายความว่าเริ่มมีการใช้ปืนใหญ่แล้วในช่วงอยุธยาตอนต้น

            ปืนใหญ่ของกองทัพบกไทยสมัยกรุงศรีอยุธยามีวิถีกระสุนคล้ายกับปืนใหญ่ทหารสมัยใหม่ มีหลายประเภทได้แก่ ปืนมะเหรียม เป็นปืนใหญ่ทหารราบ ท้ายปืนมีรูปมน ปากกระบอกเรียวและแคบ, ปืนจ่ารงค์ เป็นปืนใหญ่ทหารราบใช้ลาก, ปืนนนทก เป็นปืนใหญ่ทหารราบใช้ลาก, ปืนนกสับ เป็นปืนใหญ่ทหารราบมีขาหยั่ง 2 ขา คล้ายขานกยาง บางครั้งจึงเรียกว่าปืนขานกยาง, ปืนจินดา   เป็นปืนใหญ่ทหารราบ ปัจจุบันเป็นปืนใช้ยิงพิธีตรุษจีน, ปืนหามแล่น เป็นปืนขนาดเบาใช้ในการรบบนภูเขา, ปืนตระแบงแก้ว เป็นปืนใหญ่ของกรมตำรวจ ใช้ยิงตะแบงไปข้างๆ

            นับตั้งแต่ราวกลางพุทธศตวรรษ  21 เมื่ออยุธยาติดต่อกับชาวตะวันตก โดยเฉพาะโปรตุเกสอย่างเป็นทางการ การพัฒนาทางอาวุธและการฝึกปรือกองทหารก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปใช้เทคนิคที่มีความก้าวหน้าแบบตะวันตกมากขึ้น จุดเริ่มต้นการพัฒนาดังกล่าวเกิดขึ้นใน พ.ศ.2059 เมื่อทางราชสำนักอยุธยาได้เซ็นสัญญายอมยกเกาะมะละกาให้โปรตุเกสดูแล โดยมีเงื่อนไขว่าทางโปรตุเกสจะต้องจัดหาปืนและกระสุนดินดำให้อยุธยา

เมื่อการติดต่อกับยุโรปเป็นไปอย่างแพร่หลาย ได้มีหลักฐานว่าทางอยุธยาได้ขอความช่วยเหลือจากดัตช์ (ฮอลันดา) ในเรื่องช่างเพื่อเข้ามาทำงานให้ราชสำนัก ดังเช่นขอช่างหล่อปืนใหญ่ ช่างทำดินปืน พลแม่นปืน เป็นต้น นอกจากนี้อยุธยายังได้ขอผู้ชำนาญการด้านปืนใหญ่จากฝรั่งเศสอีกด้วย

            จดหมายเหตุลาลูแบร์ ได้เล่าว่าอยุธยามีปืนใหญ่ไม่สู้มากนัก ผู้ที่ทำหน้าที่หล่อปืนใหญ่ให้สยามเป็นชาวโปรตุเกสที่เกิดในมาเก๊า ปืนใหญ่ที่มีประสิทธิภาพที่ใช้ในอยุธยาส่วนหนึ่งคงซื้อหาจากบริษัท VOC แต่ที่หล่อขึ้นใช้เองก็คงพอมีอยู่บ้าง ส่วนลูกกระสุนนั้นมีหลายชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้พบลูกกระสุนแบบดัมเบลใช้สำหรับยิงเสากระโดงเรือ

            ปืนใหญ่หลังช้างเป็นอาวุธอีกประเภทหนึ่งที่มีมาแล้วตั้งแต่สมัยอยุธยา เป็นปืนใหญ่ขนาดเล็กที่ติดตั้งกับสัปคับช้างทำให้สะดวกต่อการเคลื่อนย้ายและสามารถเล็งวิถีกระสุนได้แม่นยำกว่า      

            จะเห็นได้ว่านับแต่ได้มีการติดต่อสัมพันธ์กับชาวตะวันตก ความรู้ใหม่ๆ เกี่ยวกับอาวุธและการฝึกทหารได้แพร่เข้ามาสู่ราชสำนักอยุธยา ทั้งหมดนี้ยังผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบางประการขึ้นกับกองทัพของอยุธยาอีกด้วย

ปืนใหญ่เมืองเหนือ

ปืนใหญ่เรียกว่า “สินาด” (มาจากคำว่า “สีหนาท”) อันที่จริงล้านนามีศึกสงครามอยู่บ่อยครั้งในช่วงระยะเวลาหลายร้อยปี น่าจะมีปืนใหญ่ไว้ป้องกันเมืองมากมาย แต่ปรากฏว่าปืนใหญ่เมืองเหนือหาดูค่อนข้างยากโดยเฉพาะปืนสมัยเก่า ทั้งนี้เนื่องจากล้านนาถูกยึดครองหลายครั้ง ผู้ที่มายึดครองก็มีความจำเป็นที่จะต้องมาขนปืนไป เพราะเป็นหนทางเดียวที่จะตัดกำลังไม่ให้มีการ แข็งข้อขึ้นในภายหลัง 

            ปืนใหญ่ในเมืองเหนือหลายแห่งเช่นในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หริภุญไชย จังหวัดลำพูน หรือที่วางหน้าเสาธง ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองเชียงใหม่ เป็นปืนใหญ่ที่มีลักษณะพิเศษผิดกับปืนใหญ่ที่พบทั่วๆ ไป ในประเทศไทย

            ปืนใหญ่เหล่านี้มีรูปร่างและลวดลายฝีมือของชาวล้านนา แสดงถึงความเจริญทางวิชาการในวิชาช่างแสงของคนพื้นเมืองที่สามารถหล่อปืนได้เอง ชนิดที่มีขนาดใหญ่เป็นปืนที่ใช้ตั้งไว้บนกำแพงป้อมสำหรับทำลายข้าศึกแต่ไม่น่าจะมีอำนาจสามารถทำลายป้องปราการหรือกำแพงเมืองได้ ส่วนขนาดที่ไม่ใหญ่เกินไปนัก เหมาะสำหรับใช้ในสนามรบเพราะสะดวกต่อการเคลื่อนไหวเคลื่อนย้ายโดยเร็ว เอาไว้ยิงข้าศึกทำลายอาคารหรือยานพาหนะต่างๆ

            ลักษณะเด่นของปืนใหญ่เหล่านี้คือการทำวงแหวนรัดลำกล้อง 4-5 ปล้อง เพื่อเสริมความแข็งแรง มีการทำเดือยยื่นออกมาเป็นปีกสำหรับวางบนแท่นเวลายิง ตรงจานส่วนท้ายของปืนทำเป็นชั้นๆ ลดหลั่นลงไป และส่วนปลายสุดทำเป็นที่สำหรับจับให้ปืนกระดกไปในทิศที่ต้องการ

            นอกจากปืนใหญ่ขนาดยาวแล้วยังมีปืนใหญ่ขนาดสั้น บางครั้งเรียก “ปืนสั้นสมัยโบราณ” มีอายุเก่าถึงพุทธศตวรรษที่ 20 แต่เนื่องจากมีตัวอักษรภาษาจีนสลักเอาไว้จึงสันนิษฐานว่าน่าจะหล่อในเมืองจีนหรือช่างจีนแล้วมีการนำเข้ามาในดินแดนล้านนา

            ปืนสั้นเหล่านี้มีขนาดกะทัดรัดเหมาะสำหรับการขนย้ายและเก็บรักษา แต่มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับปืนขนาดใหญ่ เพียงแต่ย่อส่วนให้เล็กลง ฉะนั้นเวลายิงต้องยิงแบบปืนใหญ่คือยิงให้ห่างตัวโดยใช้ไม้ต่อด้ามให้ยาวออกไป ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายจากแก๊สร้อนที่ระเบิดออกมา

            การยิงปืนใหญ่นั้นใช้วิธีเทดินระเบิดกรอกลงไปในลำกล้องจนดินระเบิดไปรวมตัวอยู่ในรังเพลิงแล้วใช้หมอนอัด จึงใช้ลูกกระสุนใส่ลงไป ลูกกระสุนนี้อาจเป็นดินเผา ก้อนหิน เหล็ก หรือตะกั่วก็ได้ เวลายิงใช้ชุดที่กำลังติดไฟจี้ลงไปบนรูชนวน

            ปืนอีกประเภทหนึ่งที่พบในเมืองเหนือคือ "ปืนข่อชาง" หรือ "ปืนขอช้าง" ใช้ในการปราบฮ่อในสมัยรัชกาลที่ 5 มีลักษณะเฉพาะคือ ที่ปลายกระบอกปืนมีขอเพื่อใช้บังคับช้างในการต่อสู้ระยะประชิดตัว บริเวณโครงปืนทำระบบจุดระเบิดแบบปืนคาบศิลา ซึ่งวิธีการสรรพยุทธบนหลังช้างนี้มีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยแล้ว

            เรื่องราวของปืนใหญ่ ปรากฏในตำนานว่า ตอนที่พระเจ้าติโลกราชมอบหมายให้พระราชชนนียกทัพไปตีเมืองแพร่ มีการยิงปืนใหญ่ (เอกสารเรียก “ปู่จ้าว” ) เข้าไปในกำแพงเมืองแพร่ที่มีสวนตาลจนต้นตาลล้มระเนนระนาด ทำให้เจ้าเมืองแพร่ชื่อ “ท้าวแม่นคุณ” ต้องยอมสวามิภักดิ์

            นอกจากนี้ ในเมืองลำปางก็ยังมีหออะม็อก (ภาษาพม่า อะม็อก แปลว่าปืนใหญ่) ขนาดมหึมาเป็นหลักฐานสำคัญว่าครั้งหนึ่งหรือหลายครั้ง เคยมีการใช้หอนี้เป็นปราการต้านข้าศึกด้วยการรบกันโดยอะม็อก (ปืนใหญ่) อีกด้วย

…..เรียบเรียงโดย….ดร.เพ็ญสุภา  สุขคตะ…..

36
2

ข่าวอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

Niyom Motor Expo ลดแรงส์ส่งท้ายปี ไม่มีแผ่วววว!

Niyom Motor Expo ลดแรงส์ส่งท้ายปี ไม่มีแผ่วววว!เพียง 1,900 บาท! ก็ออกรถHonda Scoopy ใหม่ได้เลย ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม HONDA LEAD 125หล่อเท่ห์ได้ใจ ในสไตล์มินิมอล เร็ว แรงส์ แบบผู้นำยุคใหม่ ที...


  • ข่าวยานยนต์
  • |
  • 6 ธ.ค. 2568, 13:53
  • |
  • 179

#โชว์รูมฮุนไดเชียงใหม่นิธิบูรณ์ Hyundai Deal SEOUL Good with The all-new SANTA FE Hybrid​...

#โชว์รูมฮุนไดเชียงใหม่นิธิบูรณ์ Hyundai Deal SEOUL Good with The all-new SANTA FE Hybrid​  Motor Expo Campaign ที่สุดแห่งดีล ฟีลเกาหลี​ เป็นเจ้าของ The all-new SANTA FE Hybrid​ รถเอสยูวีไฮบร...


  • ข่าวยานยนต์
  • |
  • 27 พ.ย. 2568, 11:30
  • |
  • 303

เอชดีเจมอเตอร์ ฮุนไดเชียงใหม่ ส่งมอบรถ Hyundai IONIQ 5 Exclusive ให้ลูกค้าคนพิเศษ พร้อมขอบ...

เอชดีเจมอเตอร์ ฮุนไดเชียงใหม่ โดยที่ปรึกษาการขาย ร่วมแสดงความยินดีพร้อมส่งมอบรถใหม่ Hyundai IONIQ 5 Exclusive สีทอง ให้กับ คุณศุภิสรา รัศมีพลังสันติ พร้อมขอขอบคุณที่ให้เกียรติมาเป็นครอบครัวฮุนได ...


  • ข่าวยานยนต์
  • |
  • 25 พ.ย. 2568, 13:27
  • |
  • 497

มอบรถ Hyundai CRETA ALPHA สีดำ

เอชดีเจมอเตอร์ ฮุนไดเชียงใหม่ โดยที่ปรึกษาการขาย ร่วมแสดงความยินดีพร้อมส่งมอบรถใหม่  ให้กับ คุณศราวุธ บัวล้อม Hyundai CRETA ALPHA สีดำ  ขอขอบคุณที่ให้เกียรติมาเป็นครอบครัวฮุนได สอบถามรายละเอ...


  • ข่าวยานยนต์
  • |
  • 22 พ.ย. 2568, 14:29
  • |
  • 324

ปลายปีนี้พบงานแสดงรถยนต์ทั้งที่เซ็นทรัลเชียงใหม่เฟสและที่แอร์พอร์ต

งานแรก 18-24 พฤศจิกายน 2568 งานนี้จัดโดย MG ไทยแลนด์งาน MG City DRIVEมีรถยนต์ MG มาให้แฟนๆ ได้ทดลองขับครบทุกรุ่นใครอยากได้รุ่นไหนก็แจ้งทีมงานขอทดลองขับได้เลยงานนี้สำนักงานใหญ่มาเองเพื่อยอดขายให้ได้สูง...


  • ข่าวยานยนต์
  • |
  • 20 พ.ย. 2568, 19:05
  • |
  • 499

มิตซูแสงชัยจัดหนัก งาน Exclusive Test Drive "XForce Garden" มหาสุขฟาร์ม Mahasuk Farm

พิเศษเฉพาะงาน Exclusive Test Drive "XForce Garden"• จองในงานทุกรุ่น รับทันที กระเป๋า Gym bag ของแท้ จากแบรนด์ Mitsubishi• รับข้อเสนอพิเศษแคมเปญเดียวกับ Motor Expo 2025แล้วพบกันได้ที่งาน Exclusive Test...


  • ข่าวยานยนต์
  • |
  • 18 พ.ย. 2568, 19:36
  • |
  • 318
Sytiq Company

ออกแบบพัฒนาโปรแกรมและแอพลิเคชั่น

โดยบริษัทไซทิค ติดต่อ:0819507128

Sytiq Company

ออกแบบและติดตั้ง Home Automation

โดยบริษัทไซทิค ติดต่อ:0819507128