ตามรอย มร.วิลเลียม วู้ด กงสุลอังกฤษเชียงใหม่คนแรก

ข่าวศิลปวัฒนธรรม , 17 ก.ค. 2565, 19:31

ตามรอย มร.วิลเลียม วู้ด กงสุลอังกฤษเชียงใหม่คนแรก

                เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา ดิฉันพร้อมด้วย ดร.อัครินทร์ พงษ์พันธ์เดชา และอาจารย์เสรินทร์ จิรคุปต์ ได้รับเกียรติจาก โรงแรมอนันตรา เชียงใหม่ รีสอร์ต ถนนเจริญประเทศ ตำบลช้างคลาน ให้เป็นวิทยากรบรรยายหัวข้อ “ประวัติศาสตร์เมืองเชียงใหม่เพื่อการท่องเที่ยว” ให้แก่พนักงานของโรงแรมจำนวนประมาณ 15 คน เพื่อเตรียมความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยว สำหรับอนาคตอันใกล้นี้ ภายหลังจากที่เราต่างก็ “อั้น” ต่อการปิดบ้านปิดเมือง ต่างคนต่างกลัว ไม่มีใครกล้าไปเยือนใครกันมานานกว่า 2 ปีเต็มๆ ในช่วงโควิดระบาดหนัก
 

               ในฐานะที่โรงแรมอนันตราตั้งอยู่บนพื้นที่ริมลำน้ำปิงฝั่งตะวันตกซึ่งมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างมาก เคยเป็นสถานกงสุลอังกฤษ (ตัวอาคารสร้างระหว่างปี พ.ศ.2456-2458 และปัจจุบันยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์) ดิฉันและคณะวิทยากรจึงกำหนดหลักสูตรโครงการอบรมในลักษณะเน้นเอาบุคคลสำคัญคือ Mr. William Alfred Rae Wood (มร.วิลเลียม อัลเฟรด แร วู้ด) ผู้เป็นกงสุลใหญ่อังกฤษเชียงใหม่ท่านแรก มาวางเป็นตัวละครหลัก แล้วจัดทริปเส้นทางสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของ ท่านกงสุลใหญ่มานำเสนอในการตามรอย นอกเหนือไปจากสถานกงสุลที่ทำงานของเขาแล้ว พบว่าทุกวันนี้ยังมีอดีต “บ้านของท่านกงสุลใหญ่” ตั้งอยู่ริมแม่น้ำปิงลงไปทางใต้อีกฟากฝั่งหนึ่ง และแน่นอนว่า ยังมีสุสานของท่านที่ฝังกายฝากใจไว้ ณ ถนนสายต้นยางอีกแห่งหนึ่งด้วย ทั้งหมดนี้คือการท่องเที่ยวเชิง “นิเวศน์ประวัติศาสตร์” ในยุคสมัยที่ไม่ไกลเกินไปนัก อนึ่งในระหว่างจุดสำคัญสามจุด (สถานกงสุล บ้านกงสุล สุสาน) ควรมีการแวะชมสถานที่อื่นๆ ตามรายทางบ้างพ่อเป็นกระสายยา
 

               เมื่อเราออกจากโรงแรมอนันตราแล้ว ให้เลี้ยวซ้ายลงไปทิศใต้ตามถนนเจริญประเทศ สถานที่แรกที่พบคือ วัดชัยมงคล เป็นวัดที่มีท่าน้ำให้สาธุชนได้ทำบุญปล่อยนกปล่อยปลา ในอดีตวัดนี้ชื่อ “วัดอุปปานอก” (ส่วนวัดอุปปาใน หมายถึงวัดบุพพาราม) คำว่า “อุปปา” เป็นภาษามอญเนื่องจากบริเวณนี้มีชาวมอญตั้งถิ่นฐานอยู่จำนวนมาก เรียกกันว่า “บ้านเม็ง” นอกจากนี้วัดยังมีอีกชื่อหนึ่งที่เป็นภาษาพม่าว่า “มะลังมะเลิ่ง” คล้ายกับคำว่า “มลังมเลือง” ในภาษาไทยที่แปลว่า แสงสว่าง รุ่งแจ้ง ต่อมา พระราชชายา เจ้าดารารัศมี ได้เปลี่ยนชื่อวัดใหม่ให้เป็น “วัดชัยมงคล” เนื่องจากวัดแห่งนี้เจ้านายฝ่ายเหนือใช้เป็นท่าน้ำเวลาจะเสด็จลงไปเข้าเฝ้าฯ พระเจ้าอยู่หัวที่กรุงเทพฯ หรือเมื่อกลับจากกรุงเทพฯ ก็จะขึ้นที่ท่าน้ำแห่งนี้ จากนั้นจะขึ้นช้างมีขบวนแห่ไปยังทิศหัวเวียง (ทิศเหนือ) บริเวณวัดเชียงยืน แล้วเสด็จเข้าเมืองทางประตูช้างเผือก 
 

              อาจารย์เสรินทร์ จิรคุปต์เล่าว่า ถัดจากวัดชัยมงคลลงไปทางใต้ ปัจจุบันเป็นโรงแรม ณ นิรันดร์ ในอดีตเคยเป็น “บ้านทัพเทวา” สร้างด้วยไม้สักหลังยาวใหญ่ เจ้าของคือคุณประโพธ เปาโรหิตย์ บุตรมหาอำมาตย์โท เจ้าพระยามุขมนตรี (อวบ เปาโรหิตย์) ซึ่งคุณประโพธสมรสกับนางงามเชื้อสายเจ้าหลวงลำพูน (เจ้าหลวงเหมพินทุไพจิตร) ชื่อเจ้านวลสวาท ลังการ์พินธุ์ 
 

            ถัดไปเป็น “กรมป่าไม้เชียงใหม่” ถือเป็นกรมป่าไม้แห่งแรกของประเทศไทย ซึ่งตั้งอยู่นอกพระนครหลวง ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2439 เจ้ากรมป่าไม้คนแรกชื่อ Mr.H. Slade  (มร.เอช สเล้ด) อาจารย์เสรินทร์เล่าถึงที่มาของกรมป่าไม้เชียงใหม่ว่า เริ่มมาจากสนธิสัญญาเบาริ่งสมัยรัชกาลที่ 4 พ.ศ. 2498 ที่อนุญาตให้ชาวตะวันตกเข้ามาทำการค้าในสยามได้ ตามมาด้วยสนธิสัญญาเชียงใหม่ฉบับแรกปี 2416 สมัยรัชกาลที่ 5 อนุมัติให้ชาวต่างชาติค้าไม้ โดยต้องขออนุญาตจากส่วนกลาง หากล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ทรงเห็นชอบแล้ว ก็ให้เจ้าหลวงเชียงใหม่เซ็นอนุมัติลงนามรับรู้ หมายความว่าทางเจ้าหลวงเชียงใหม่ไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจใดๆ ว่าควรให้หรือไม่ให้บริษัทใดตัดไม้ตรงไหนได้บ้าง หลายครั้งเกิดการฟ้องร้องว่าเจ้าหลวงไปอนุญาตให้คนล้านนาตัดไม้ในพื้นที่ทับซ้อนของสัมปทานอังกฤษ กระทั่งมีสนธิสัญญาเชียงใหม่อีกฉบับหนึ่งปี 2427 ฉบับนี้ยิ่งรวบอำนาจไว้ที่ส่วนกลางแบบเบ็ดเสร็จคือทั้งอนุญาตและอนุมัติภายใต้พระปรมาภิไธย ต่อมาปี 2432 สยามส่งนายเจมส์ แมคคาร์ธี มาทำแผนที่ภูมิศาสตร์อย่างละเอียด ทำให้เจ้าหลวงในดินแดนล้านนาไม่สามารถขยับทำการใดๆ เกี่ยวกับป่าไม้ในเมืองเหนือได้เลย นอกเสียจากรอรับค่าส่วนแบ่งภาษีตอไม้
 

             กรมป่าไม้เชียงใหม่ปัจจุบันมีชื่อว่า “สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 เชียงใหม่” สถานที่แห่งนี้ยังเหลืออาคารไม้สักขนาดใหญ่อยู่ 1 หลัง เป็นบ้านใต้ถุนโล่ง เปิดหน้าจั่วสามเหลี่ยมใหญ่ มองไปรอบๆ สองฟากแม่น้ำปิงบริเวณนี้ ในอดีตเคยมีสถานีค้าไม้ของบริษัทต่างๆ ตั้งเรียงราย อาทิ บริษัทบอมเบย์เบอร์ม่า บริษัทบริทิชบอร์เนียว (สองบริษัทนี้เป็นของอังกฤษ) บริษัทอีสต์เอเชียติก (ของเดนมาร์ก) และบริษัทสยามฟอเรสต์ (ของฝรั่งเศส) สถานีค้าไม้เหล่านี้จะคอยเช็คไม้ซุงที่ไหลผ่านลงมาตามลำน้ำปิงเลือกดูท่อนที่มีตราประทับของบริษัทตัวเองแล้วจัดทำบัญชี
 

             ความคึกคักในการทำสัมปทานป่าไม้ของชาวตะวันตกนี่เอง ที่ผลักดันให้เกิดการก่อตั้ง “สถานกงสุล” ตามมาโดยปริยาย เพื่อทำหน้าที่ 2 ประการ 1. ดูแลผลประโยชน์ด้านการค้า เน้นการสัมปทานป่าไม้ 2. เพื่อคุ้มครองประชากรของเขาในกรณีเกิดข้อพิพาทกับชาวล้านนา สถานกงสุลอังกฤษก่อตั้งขึ้นในปี 2427 ช่วงที่มีการทำสนธิสัญญาเชียงใหม่ฉบับที่ 2 (แต่อาคารหลังปัจจุบันที่เห็นนั้น เป็นการมาสร้างภายหลังจากอีกราว 30 ปี) ส่วนสถานกงสุลฝรั่งเศสก็ตั้งอยู่ไม่ไกลกันนัก ดังจะเห็นได้ว่าปัจจุบันยังมีสมาคมฝรั่งเศส และสำนักฝรั่งเศสแห่งปลายบูรพทิศ ก็ตั้งอยู่ในละแวกนั้น ภายในสถานที่ทั้งสองแห่งนี้เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น
 

            ถัดจากกรมป่าไม้เชียงใหม่ เป็นเขตชุมชนคาทอลิก กลุ่มโรงเรียนเรยีนาเชลี พระหฤทัยคอนแวนต์ และมงฟอร์ต อาจารย์เสรินทร์เล่าว่า ผู้บุกเบิกให้มีโรงเรียนคาทอลิกในเชียงใหม่ก็คือ นายกี นิมมานเหมินท์ ผู้เป็นทั้งบุตรบุญธรรมและบุตรเขยของหลวงอนุสารสุนทร ช่วงมัธยมต้นนายกีเรียนที่โรงเรียนชายวังสิงห์คำ จากนั้นศึกษาต่อชั้นมัธยมปลายที่โรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก กลับมาทำธุรกิจเป็นเจ้าของกาดหลวง และได้เสนอให้มีการสร้างโรงเรียนคาทอลิกในช่วง พ.ศ. 2475 เลยจากกลุ่มโรงเรียนคาทอลิก เป็นชุมชนมุสลิมที่นับถือศาสนาอิสลาม สมัยก่อนเรียกว่า “แขกปาทาน” บริเวณนี้เคยเป็นทุ่งเลี้ยงวัวอันกว้างใหญ่ แต่ต่อมาสถานที่นี้เปลี่ยนสภาพไปมาก
 

             เมื่อเลี้ยวซ้ายข้ามแม่น้ำปิงไปแล้วจะพบกับถนนต้นยางนาที่ตำบลหนองหอย ให้หักขวาเลียบลำน้ำปิงไปเพียงไม่กี่ร้อยเมตรจะพบสถานที่ที่ปัจจุบันเรียกว่า Le Cog d’Or (เลอ ก๊อก ดอร์) ปัจจุบันเป็นร้านอาหารฝรั่งเศส อดีตบริเวณนี้เป็น “บ้านกงสุลวู้ด” กงสุลอังกฤษเชียงใหม่ ช่วงแรกที่ท่านเพิ่งมาทำงานในสถานกงสุลใหม่ๆ นั้นท่านพำนักอยู่ในบ้านพักของสำนักงานมาก่อน เนื่องจากพบหลักฐานว่าในสถานกงสุลนั้นนอกจากอาคารสำนักงานหลังใหญ่ซึ่งใช้เป็นที่ทำการและห้องพิจารณาคดีแล้ว ยังเคยมีบ้านพักกงสุล 1 หลัง เรือนคนใช้ 1 หลัง และคอกช้าง ซึ่งท่านกงสุลใหญ่ได้เลี้ยงช้างไว้ 4 เชือกสำหรับการเดินทางในสมัยนั้น 
 

            ช่วงที่กงสุลวู้ดประจำอยู่ที่จังหวัดเชียงราย เขาได้พบรักกับสตรีชื่อ “บุญ” ต่อมาได้สมรสกับนางมีธิดาด้วยกัน 2 คน ชื่อ “อมาลา” และ “ลูอิส” หลังจากที่กงสุลวู้ดได้เกษียณอายุและเดินทางพาครอบครัวกลับไปใช้ชีวิตที่อังกฤษระยะหนึ่งแล้ว เขาตัดสินใจกลับมาเชียงใหม่อีกครั้ง ด้วยการซื้อที่แปลงใหญ่ติดกับลำน้ำปิงฝั่งตะวันออก 100 กว่า ไร่ ซึ่งท่านกงสุลตั้งใจนฤมิตให้เป็น “สวนสวรรค์” หรือ Paradise 
 

           ภายในสวนสวรรค์แห่งนี้ ประกอบด้วย คฤหาสน์ 1 หลัง ทรง British Colonial มีมุขประเทียบสำหรับจอดรถ อาคารชั้นบนทำหน้าต่างบานใหญ่เปิดได้รอบด้านทั้งนี้เพื่อรับลมได้เต็มที่เพราะสมัยก่อนไม่มีเครื่องปรับอากาศ จุดเด่นของบ้านอีกประการคือมีห้องเจาะช่องยื่นบนหลังคา ใกล้กับคฤหาสน์มีหอพักน้ำขนาดใหญ่ 1 หลัง ศาลาไม้ 8 เหลี่ยมกลางสวน 1 หลัง (Kiosque) รถโบราณซึ่งมีหลายคัน สวนที่ตกแต่งด้วยโครงเหล็กดัดคล้ายกระโจม เป็นต้น
 

            สิ่งที่สะดุดตาของสวนแห่งนี้คือ มีต้นฉำฉาแผ่กิ่งก้านตระการสาขา เป็นต้นฉำฉารุ่นเก่า ปลูกหลังจากต้นฉำฉาต้นแรกในสวนของสโมสรยิมคานาเพียงไม่กี่ปี (ที่ยิมคานาอายุ 120 กว่าปี) ที่นี่ก็อายุเกิน 100 ปีแล้ว ดร.อัครินทร์ พงษ์พันธ์เดชา ให้ข้อมูลว่าบุคคลที่นำเอาต้นฉำฉาหรือ Rain Tree (เหตุที่ชื่อเช่นนี้เพราะเป็นต้นไม้ที่อุ้มน้ำ เรียกฝน) มาปลูกในประเทศไทยครั้งแรก (เริ่มที่จังหวัดเชียงใหม่) เป็นชาวอังกฤษ ซึ่งต้นกำเนิดของไม้ฉำฉานั้นอยู่ที่ทวีปอเมริกาใต้ 
 

          ท่านกงสุลวู้ดใช้ชีวิตอยู่ในเชียงใหม่ บางช่วงบางตอนของบั้นปลายชีวิตอาจไม่ราบเรียบนัก เนื่องจากมีสงครามโลกครั้งที่ 2 ทหารญี่ปุ่นได้จับตัวกงสุลวู้ดไว้เป็นตัวประกัน แต่ในที่สุดก็ได้รับการปลดปล่อย ท่านกงสุลมีอายุยืนยาวจนวัย 94 ปี อันเป็นวาระสุดท้ายของลมหายใจ ศพของท่านฝังอยู่ที่ “สุสานฝรั่ง” ถนนสายต้นยางนา เคียงคู่อยู่กับศรีภริยาที่ชาวบ้านเรียกว่า “ป้าบุญ” ซึ่งสุสานแห่งนี้ ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 พระราชทานที่ดินให้ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสุสานยิมคานา และสุสานบ้านเด่น 
 

           สุสานฝรั่งแห่งนี้ยังมีหลุมศพของ “ศาสนาจารย์แดเนียล แมคกิลวาลี”  (ชาวเชียงใหม่เรียก พ่อครูหลวง) กับภริยาของท่าน แม่ครูโซเฟีย พร้อมด้วยบาทหลวง นักบุญ มิชชันนารี ท่านอื่นๆ ที่มาช่วยวางรากฐานด้านการแพทย์ สาธารณสุข การศึกษา การพิมพ์ ให้แก่เมืองเชียงใหม่อีกจำนวนมาก
 

             ตอนในสุดด้านทิศเหนือของสุสานฝรั่ง เป็นพระบรมราชานุสาวรีย์ “สมเด็จพระนางเจ้าวิกตอเรีย สมเด็จพระราชินีนาถแห่งเครือจักรภพอังกฤษ” ประดิษฐานอยู่บนแท่นสูง ด้านหน้าแท่นมีตัวอักษรภาษาอังกฤษเขียนอยู่ ถอดใจความได้ว่า 
            “อนุสาวรีย์นี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นเครื่องรำลึกถึงความรักและความเคารพอย่างยิ่งยวดที่มีต่อสมเด็จพระนางเจ้าวิกตอเรีย และข้าราชบริพารที่ซื่อสัตย์ของพระองค์ ที่อาศัยอยู่ในเชียงใหม่ ละคอร ลำปาง แพร่ น่าน สวรรคโลก และระแหง ทั่วดินแดนตอนเหนือของสยาม”  
 

             อาจารย์เสรินทร์เล่าว่า อนุสาวรีย์องค์นี้สร้างขึ้นในประเทศอังกฤษ หล่อด้วยสำริดหนักหลายตัน เบื้องแรกถูกนำมาไว้ที่อินเดียก่อน จากนั้นถูกย้ายมาอยู่ที่เมืองมะละแหม่ง แล้วบรรทุกต่อบนหลังช้างข้ามพรมแดนพม่าเข้ามากว่าจะถึงล้านนาต้องใช้เวลาหลายเดือน เดิมเคยประดิษฐานอยู่ที่ด้านหน้าทางเข้าสถานกงสุลอังกฤษเชียงใหม่ แต่ภายหลังจากที่สถานกงสุลอังกฤษได้ปรับเปลี่ยนเจ้าของใหม่ อนุสาวรีย์ของพระนางเจ้าวิกตอเรียองค์นี้ ก็ถูกนำมาไว้ที่สุสานฝรั่ง ปัจจุบันทราบมาจากทางโรงแรมอนันตราเชียงใหม่ว่า จะมีการหล่อรูปปั้นองค์ใหม่ขึ้นมาด้วยการจำลองตามรูปแบบเดิม เพื่อนำมาประดิษฐานในโรงแรมอนันตราให้อยู่เคียงคู่กับอาคารอดีตสถานกงสุลตลอดไป
 

               จากนั้นรถรางได้พาคณะของเรากลับคืนสู่โรงแรม โดยไม่วนกลับไปเส้นเดิมขามา (ขัวพญาเม็งราย) หากเลาะเลียบลำน้ำปิงฝั่งตะวันออกตรงไปเรื่อยๆ เพื่อจะได้ชมสถานที่สำคัญในอดีตอีกบางส่วนแบบไม่ซ้ำที่ เช่น โรงแรมศรีประกาศ โรงเรียนคริสเตียนเชียงใหม่ ขัวเหล็ก (จำลองขัวนวรัฐเดิมขึ้นมาใหม่) บ้านโบราณของหม่องปันโหย่ (โรงแรมเพชรงาม) จากนั้นตัดข้ามสะพานนวรัฐกลับมายังฝั่งตะวันตก
               ซ้ายมือบริเวณขัวนวรัฐ ปัจจุบันคือบ้านพักหรือจวนผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ในอดีตคือศาลต่างประเทศเชียงใหม่ (ตั้งได้เพียงไม่กี่ปี ต่อมาต้องยุบไปรวมกับศาลแขวง) รถรางลัดเลาะผ่านบริเวณอดีตอันรุ่งโรจน์ของไนท์บาร์ซาร์ วัดศรีดอนไชย วัดที่ครูบาเจ้าศรีวิชัยถูกต้องอธิกรณ์เป็นเวลา 3 เดือนเมื่อปี 2463 จากนั้นก็มาถึงโรงแรมอนันตรา
 

               คณะเรากลับขึ้นไปยังอาคารกงสุลอังกฤษเชียงใหม่อีกรอบ อาจารย์เสรินทร์เล่าว่า สมัยที่ท่านยังเรียนหนังสือระดับชั้นมัธยมต้นที่โรงเรียนมงฟอร์ต เมื่อราว 70 ปีก่อน ท่านเข้ามาวิ่งเล่นภายในสถานกงสุลอังกฤษแห่งนี้เป็นประจำ จำได้ดีว่าใต้ถุนโล่งตอนล่างเปิดเป็นห้องสมุดให้คนนอกเข้ามาอ่านหนังสือได้ 
 

               เมื่อพิจารณาด้านรูปแบบของอาคาร ดร.อัครินทร์สรุปว่า เป็นสถาปัตยกรรมแบบ British Victoria คือสง่าขรึมเรียบง่าย ตรงไปตรงมา ตามจริตของชาวอังกฤษ ไม่ตกแต่งลวดลายฟุ่มเฟือย เน้นแค่ริ้วไม้ของระเบียงรอบอาคารกับเส้นสายลายริ้วตามราวบันไดพอให้แสงเงาตัดกันเล็กน้อย จุดเด่นอยู่ที่การทำหลังคาทรงปั้นหยา กับทิวเสาตอนล่างแท่งใหญ่ที่ตั้งเรียงรายเป็นจังหวะ แม้ว่าอาคารหลังนี้จะผ่านการรีโนเวท ต่อเติมโครงสร้างบางส่วนและปรับเปลี่ยนประโยชน์ใช้สอยมาบ้างแล้วก็ตาม ทว่าโดยภาพรวมถือว่ายังมีเสน่ห์ มีความคลาสสิกทายท้ากาลเวลาที่ล่วงไกลมานานกว่าหนึ่งศตวรรษเศษไม่น้อยเลย สมกับที่ได้รับรางวัลอาคารอนุรักษ์ดีเด่นจากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์มาตั้งแต่ปี 2532

5
3

ข่าวอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

ส่งมอบไปอีก 1 คันแล้ว สำหรับรถยนต์ Hyundai STARGAZER X6 สีบรอนทอง สุดสวย ที่ผ่านมา

ส่งมอบรถใหม่ให้กับลูกค้า ที่ปรึกษาการขาย เอชดีเจ มอเตอร์ ฮุนไดเชียงใหม่ เซลส์แนน ร่วมแสดงความยินดีพร้อมส่งมอบรถใหม่ให้แก่คุณวิระดา ชวลิต Hyundai STARGAZER X6 สีบรอนทอง ออกไปจากโชว์รูม เอชดีเจมอเตอร์ ท...


  • ข่าวยานยนต์
  • |
  • 11 ม.ค. 2568, 14:08
  • |
  • 59

ส่งมอบรถใหม่ Hyundai CRETA ALPHA สีดำ เป็นรถยนต์น่าใช้สำหรับครอบครัว

 เอชดีเจมอเตอร์ ฮุนไดเชียงใหม่ โดยที่ปรึกษาการขายเซลส์แนน ร่วมแสดงความยินดีพร้อมส่งมอบรถใหม่ให้กับคุคุณ KYUNG HEE LEE เป๋ฯรถยนต์ Hyundai CRETA ALPHA สีดำ ขอขอบคุณที่ให้เกียรติมาเป็นครอบครัวฮุนได...


  • ข่าวยานยนต์
  • |
  • 8 ม.ค. 2568, 12:35
  • |
  • 81

ส่งมอบรถใหม่ Hyundai STARGAZER Smart 6 With Black Roof สีแดง เป็นรถยนต์น่าใช้สำหรับครอบคร...

เอชดีเจมอเตอร์ ฮุนไดเชียงใหม่ โดยที่ปรึกษาการขายเซลส์แนน ร่วมแสดงความยินดีพร้อมส่งมอบรถใหม่ให้กับคุณเอนก ชิตเกษร Hyundai STARGAZER Smart 6 With Black Roof สีแดง ขอขอบคุณที่ให้เกียรติมาเป็นครอบครัวฮุนไ...


  • ข่าวยานยนต์
  • |
  • 3 ม.ค. 2568, 10:17
  • |
  • 162

เหลืออีกสองวัน Lanna Auto Sale 18-25 ธันวา 67 ที่เซ็นทรัลเ แอร์พอร์ต รถไฟฟ้าน่าใช้ราคาน่าต...

กระแสรถยนต์ไฟฟ้าในบ้านเราเริ่มได้รับความสนใจจากผู้ใช้คนเมืองมากขึ้นทุกวัน ตามท้องถนนในเชียงใหม่ทุกวันนี้รถที่ขับไปขับมาสังเกตุดูได้เลยต้องมีรถยนต์ไฟฟ้าชับสวนมาหรือขับตามเรามาหลากหลายรุ่น นั่นแสดงถึงรถ...


  • ข่าวยานยนต์
  • |
  • 24 ธ.ค. 2567, 13:13
  • |
  • 184

อีซูซุ ศาลา เชียงใหม่ จัด ISUZU 2.2 Ddi MAXFORCE พลังแรง ท้าลอง ในศูนย์ประชุมนานาชาติเชียง...

ใกล้สิ้นปีหลายค่ายรถยนต์จัดงานอีเว้นท์กันตลอดทั้งเดือน โดยเฉพาะค่ายอีซูซุที่มีรถยนต์ออกใหม่ทั้งเครื่องยนต์ใหม่ แรงขึ้น เร็วขึ้น วันนี้เราพาท่านไปเที่ยวชมงานนี้กันซึ่งจัดขึ้นภายในศูนย์ประชุมนานาชาติเชี...


  • ข่าวยานยนต์
  • |
  • 22 ธ.ค. 2567, 16:33
  • |
  • 206

ส่งมอบรถหรูไปอีกหนึ่งคัน ฟอร์ด 2.0L Turbo Sport 4x2 6AT-DAT64(22B )

ส่งมอบรถหรูน่าใช้ให้กับลูกค้า  ฟอร์ด วีกรุ๊ปคาร์เชียงใหม่โดยที่ปรึกษาการขาย ศรสวรรค์  ร่วมแสดงความยินดีพร้อมส่งมอบรถยนต์ให้กับคุณ ชนากานต์ แซ่หล่อ รุ่นรถ 2.0L Turbo Sport 4x2 6AT-DAT64(22B)ข...


  • ข่าวยานยนต์
  • |
  • 21 ธ.ค. 2567, 11:43
  • |
  • 176
Sytiq Company

ออกแบบพัฒนาโปรแกรมและแอพลิเคชั่น

โดยบริษัทไซทิค ติดต่อ:0819507128

Sytiq Company

ออกแบบและติดตั้ง Home Automation

โดยบริษัทไซทิค ติดต่อ:0819507128