วัดล่ามช้าง ล้ำค่าจารึก หอธัมม์น้ำหนึ่ง ถึงพระธาตุจอมยอง

ข่าวศิลปวัฒนธรรม , 23 เม.ย. 2566, 17:27

วัดล่ามช้าง ล้ำค่าจารึก หอธัมม์น้ำหนึ่ง ถึงพระธาตุจอมยอง

            วัดล่ามช้างเป็นแหล่งเรียนรู้ทางด้านศิลปวัฒนธรรมอีกแห่งหนึ่งในจังหวัดลำพูน ที่เปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์ โบราณคดี ศิลปะ สถาปัตยกรรม ภูมิทัศน์ และความเป็นมาของการตั้งถิ่นฐานชุมชนชาวยอง ปัจจุบัน ตั้งอยู่เลขที่ 65 บ้านล่ามช้าง หมู่ที่ 3 ตำบลประตูป่า อำเภอเมืองลำพูน

            จากบันทึกประวัติของวัดล่ามช้าง ระบุว่ามีการฟื้นวัดร้างขึ้นมาใหม่เมื่อประมาณ พ.ศ. 2395 โดยชุมชนชาวยองที่อพยพมาในสมัยพระญากาวิละ (ต้นรัตนโกสินทร์) โดยชาวบ้านละแวกนั้นซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนไทเชื้อสายยองได้พร้อมใจกัน นิมนต์ครูบาญาวิชัย ญาณวิชโย มาเป็นผู้สร้างวัด จากนั้นมีเจ้าอาวาสอีกหลายรูป ที่ช่วยกันค่อยๆ ก่อสร้างเสนาสนะเพิ่มเติมจนสมบูรณ์ 

ชื่อวัดล่ามช้างปรากฏในศิลาจารึกวัดต้นผึ้ง

                จากข้อมูลที่ได้จากศิลาจารึกวัดต้นผึ้ง  (ลพ.8) ซึ่งวัดต้นผึ้งตั้งอยู่ไม่ไกลกัน คืออยู่ที่ตำบลเหมืองง่า อำเภอเมืองลำพูน ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติหริภุญไชย นั้น พบว่ามีการปรากฏชื่อของ “วัดล่ามช้าง” ในนาม “วัดล่ามช้างไชยอาราม” อยู่ในศิลาจารึกแท่งดังกล่าวนี้ด้วย

            ศิลาจารึกหลักนี้เขียนขึ้นบนหินทรายในปี พ.ศ.1987 อันตรงกับสมัยของพระเจ้าติโลกราช ใช้ตัวอักษรไทล้านนา ประเภทฝักขาม ตัวเลขอักษรธัมม์ ภาษาไทยวน มีข้อความเรื่องที่จารึก ปริวรรตถอดความเป็นภาษาที่เข้าใจง่ายได้ว่า

  1. “พ.ศ.1987 นายคำสน หัวหน้านายเกวียน ขอเงิน 1,500 จากนักบุญและพระภิกษุชั้นผู้ใหญ่ ได้แก่ มหาเถรอริยวังโส วัดป่าขี้เหล็ก มหาเถรเจ้าญาณรังสี วัดดอนไชย มหาสามีเจ้าอดุลญาณมังคละ วัดงาวทาง กับมหาสามีญาณสาคร วัดป่าล่ามช้างไชยอาราม จากนั้นจึงถวายภรรยา บุตร และข้าทาสไว้เป็นข้าของพระพุทธรูปประธาน บ้านผึ้งเหนือและบ้านผึ้งใต้ถวายชาด เงิน เบี้ย และข้าว แด่พระเจดีย์ ผู้อุปัฏฐากพระประธานมีสิทธิ์รับผลประโยชน์จากสิ่งของที่ได้ถวายไว้นั้น”

จากข้อความดังกล่าว พบว่ามีรายชื่อของพระมหาเถรระดับสูงที่ทรงสมณศักดิ์หลายรูปในสมัยพระเจ้าติโลกราช พร้อมกับระบุชื่อวัดที่อยู่ในเขตหริภุญไชยนคร (ลำพูน) อีกหลายแห่ง อาทิ

วัดป่าขี้เหล็ก ปัจจุบันคือวัดขี้เหล็ก ทางไปนิคมอุตสาหกรรม ต.บ้านกลาง อ.เมือง จ.ลำพูน

วัดดอนไชย ไม่แน่ใจว่าหมายถึงวัดใดในลำพูน เพราะปัจจุบันที่อำเภอบ้านธิ มีชื่อวัดศรีดอนชัยถึงสองแห่งคือทั้งที่ตำบลห้วยยาบ และตำบลบ้านธิ ในขณะที่ห้วยยาบระบุว่าวัดศรีดอนชัยสร้างโดยชาวไทใหญ่ เดิมเป็นป่าแงะ ชาวบ้านจึงเรียกวัดสันต้นแงะ แต่ที่ตำบลบ้านธิบอกว่าเป็นวัดบนที่สร้างบนสันดอน เดิมชื่อวัดสันดอนไจย นอกจากนี้แล้วที่ยังมีวัดดอนชัย ที่บ้านเหล่าหมุ้น ตำบลเหล่ายาว อำเภอบ้านโฮ่งอีกแห่งหนึ่ง แต่วัดนี้ระบุว่าเดิมชื่อวัดเด่นผักกุ่ม ทั้งนี้ยังมีวัดศรีดอนไชยในจังหวัดเชียงใหม่อีก 3-4 แห่ง

วัดงาวทาง ไม่ทราบว่าหมายถึงวัดใด สันนิษฐานว่าเป็นวัดร้างแห่งไปแล้วในเส้นต้นยาง-ขี้เหล็ก

วัดต้นเผิ้ง ปัจจุบันคือวัดต้นผึ้ง ถนนสายลำพูน-ใหม่ หมู่ที่ 1 ตำบลเหมืองง่า อำเภอเมืองลำพูน 

วัดป่าล่ามช้างไชยอาราม ก็คือวัดล่ามช้างนั่นเอง การปรากฏชื่อวัดป่าล่ามช้างไชยอารามในศิลาจารึกวัดต้นผึ้งเช่นนี้ ทำให้ทราบว่าวัดล่ามช้างมิได้เป็นวัดใหม่ที่เพิ่งสร้างขึ้นโดยชาวไทยองเมื่อราว 200 ปีมานี้เท่านั้น แต่ทว่าเป็นวัดเก่าแก่อย่างน้อยก็มีมาแล้วก่อน พ.ศ. 1987 ในสมัยพระเจ้าติโลกราช แห่งอาณาจักรล้านนา ซ้ำยังเป็นวัดสำคัญในลักษณะวัดหลวงที่พระมหากษัตริย์ทรงอุปถัมภ์ค้ำจุน ถึงกับมีศักยภาพสูงพอที่จะบริจาคปัจจัยให้นายกองเกวียนนายหนึ่ง (นายคำสน) มาอุปัฏฐากพระธาตุเจดีย์ในฐานะ “ข้าพระธาตุ” ได้ 

หลักฐานทางโบราณคดีที่เชื่อว่าน่าจะมีมาแล้วตั้งแต่สมัยพระเจ้าติโลกราช ได้แก่ บ่อน้ำบาดาลทรงกลม และสระน้ำ (บาราย) รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ามีบันไดขึ้นลงก่อด้วยอิฐ ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านหน้าของวัดเยื้องกับพระวิหารหลวงไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้

นอกจากนี้แล้ว จากคำบอกเล่าของชุมชนภายในพื้นที่เล่าว่านอกกำแพงวัดทางทิศใต้ เคยมีการพบซากดินกี่หรือซากอิฐเผากระจายเกลื่อน หลบซ่อนอยู่กลางพงป่า โบราณสถานร้างบางซากมีร่องรอยของฐานเจดีย์ บ้างก็น่าจะเป็นวิหารเก่า แต่ปัจจุบันยังไม่ได้มีการสำรวจอย่างเป็นทางการโดยกรมศิลปากรแต่อย่างใด

อนึ่ง ชื่อของวัดล่ามช้างนั้น ปราชญ์ชาวบ้านเล่าว่า เคยได้ยินมุขปาฐะที่เล่าขานสืบต่อๆ กันมาว่า ณ สถานที่บริเวณนี้เคยเป็นจุดพักขบวนช้างทรงของกษัตริย์เชียงใหม่ก่อนเสด็จเข้าสู่เมืองลำพูน สะท้อนให้เห็นว่า การตั้งชื่อวัดหรือชื่อบ้านนามเมืองของชาวยองในยุคหลัง นอกจากจะตั้งชื่อตามตำนานพระเจ้าเลียบโลก ตามลักษณะภูมิประเทศ ตามชื่อพันธุ์ไม้พืชสัตว์  หรือยกเอาชื่อหมู่บ้านเดิมที่เคยเรียกในรัฐฉานก่อนอพยพมาใช้ใหม่แล้ว ยังมีการคงชื่อดั้งเดิมที่ตกค้างมาตั้งแต่สมัยหริภุญไชยหรือสมัยล้านนาอีกด้วย

พระวิหารหลวง 

                  พระวิหารหลวงถือว่ามีขนาดใหญ่มากกว่าวัดทั่วไป ทางเข้าด้านหน้ามีช่วงเสาที่รองรับหน้าแหนบ (หน้าบัน) ในลักษณะ 5 ห้อง เดิมเป็นวิหารเครื่องไม้ ต่อมามีการบูรณปฏิสังขรณ์ใหม่จึงใช้เครื่องคอนกรีตแทนที่ วิหารหลังนี้ยังคงเหลือร่องรอยของการนำ “หน้าแหนบ” หรือหน้าบันที่แกะสลักลวดลายด้วยไม้ปิดทองบนแผ่นกระจกจืน (ตะกั่ว) ที่พื้นหลังของวิหารหลังเดิมมาใช้ใหม่ แต่มีการเปลี่ยนแปลงวัสดุจากพื้นหลังที่เคยเป็นกระจกจืนก็กลายเป็นกระจกเกรียบหรือกระจกเงาแบบสมัยใหม่ และจากเสาประดับผนังที่เป็นทรงกลมทำด้วยเครื่องไม้ ก็เปลี่ยนมาเป็นเสาคอนกรีตทรงสี่เหลี่ยมย่อมุมถี่ๆ แบบรัตนโกสินทร์ 

                  ลวดลายบนหน้าแหนบของวิหารวัดล่ามช้าง แม้จะมีการปรับเปลี่ยนวัสดุใหม่ แต่ยังคงเหลือเค้าความงามฉายชัดอยู่มากผ่านลวดลายกระหนกก้นขอดแบบล้านนาที่แทรกลาย “ดอกกาลกัป” (คนเหนือเรียกว่า “ลายบักขะนัด) เนื่องจากเห็นว่าคล้ายกับลายหัวสับปะรด โดยที่หน้าแหนบตอนล่างในส่วนที่เรียกว่า “โก่งคิ้ว” (ภาคกลางเรียกสาหร่ายรวงผึ้ง) มีการตกแต่งเศียรพญานาคและตัวมังกร (กิเลน) อย่างอ่อนช้อยแต่ทรงพลัง

                  ภายในพระวิหารมีโบราณวัตถุที่น่าสนใจหลายชิ้น อาทิ กลุ่มพระพุทธรูปประธานเป็น “พระเจ้าทั้งห้า” บนแท่นแก้ว นอกจากนี้ยังมีสัตตภัณฑ์ (เชิงเทียน) และธรรมมาสน์ ทรงธรรมปราสาท (ธรรมาสน์ยอดปราสาท) ชิ้นเยี่ยมอีกด้วย

พระอุโบสถ

                  พระอุโบสถหลังเดิมเป็นเครื่องปูน ตกแต่งรายละเอียดของระเบียงลูกกรง และองค์ประกอบของบานหน้าต่างประตูด้วยปูนหล่อในแม่พิมพ์ สร้างราว 60 กว่าปี แต่ต่อมามีการบูรณปฏิสังขรณ์ใหม่ 

กุฏิไม้

                  มีทรวดทรงที่งดงามมาก เป็นเรือนไม้แฝดสองหลังเชื่อมด้วยบันไดทางขึ้นตอนกลาง ประดับหลังคาหน้าจั่วด้วยเครื่องสรไน (สะระไน) และฉลุไม้ที่ราวระเบียงลูกกรงด้วยลายพันธุ์พฤกษา ตามความนิยมของชาวยองในยุคนั้น เดิมหลังคากุฏิเคยมุงด้วยกระเบื้องว่าวสีเทา แต่ต่อมาในปี พ.ศ. 2548 ได้เกิดลมพายุลูกเห็บในช่วงเปลี่ยนจากฤดูหนาวมาเป็นฤดูแล้ง ทำให้หลังคากุฏิวัดได้รับความเสียหาย จึงเปลี่ยนมาเป็นกระเบื้องลอนลูกฟูกดังที่เห็นปัจจุบันใช้เป็นอาคารเก็บเครื่องอัฏฐบริขารของวัดเนื่องจากมีการสร้างกุฏิหลังใหม่ให้พระเณรแทน ในอนาคตทางวัดบอกว่าจะใช้กุฏิหลังนี้จัดทำพิพิธภัณฑ์โบราณวัตถุของวัดต่อไป

โรงเรียนพระปริยัติธรรม

                  เดิมมีสองชั้น เป็นศูนย์กลางการศึกษาสามเณร เคยจัดตั้งที่อ่านหนังสือพิมพ์ประจำหมู่บ้าน แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป ไม่มีการใช้สอยงานอาคารหลังนี้ในฐานะโรงเรียนอีก จึงได้รื้อชั้นบนออกเหลือชั้นล่างเพียงชั้นเดียว เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน ปัจจุบันเป็นโรงเก็บของ

หอธัมม์ “เพชรน้ำหนึ่ง” แห่งเมืองลำพูน

              หอธัมม์ หรือหอไตร (หอพระไตรปิฎก) สร้างในยุคเจ้าอธิการขัน คมฺภีรวํโส ดังที่รู้จักกันในนามของครูบาคัมภีระ(ปกครองวัดระหว่างปี พ.ศ. 2445-2460) 

            หอธัมม์ของวัดล่ามช้างปัจจุบันมีอายุ 108 ปี มีลักษณะพิเศษคือเป็นอาคารทรงโรงแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้าก่ออิฐถือปูนซ้อนกันสองชั้น เป็นศิลปะแบบยองผสมตะวันตก สาเหตุที่สถาปัตยกรรมสมัยนี้สร้างด้วยรูปแบบผสมระหว่าง ยอง + ไทใหญ่ (เงี้ยว) + ตะวันตก เนื่องมาจากเป็นยุคที่อังกฤษเข้ามาทําสัมปทานค้าไม้ในเมืองเหนือ เช่นบริษัทบอร์เนียว  บริษัทบอมเบย์เบอร์มา คนในบังคับของอังกฤษส่วนใหญ่เป็นชาวพม่าไทใหญ่ มีการติดต่อเดินทางไปมาระหว่างกรุงอังวะ มัณฑะเลย์ ทําให้มีการนํานายช่างหรือสล่าชาวพม่าเชื้อสายไทใหญ่เข้ามาประกอบอาชีพก่อสร้างอาคารมากมายในล้านนาทั่วทุกจังหวัด เกิดการใช้ลักษณะ Arch โค้งรูปเกือกม้า การใช้เสาบิดเกลียว ปูนปั้นรูปกามเทพ นักดนตรี บุรุษไปรษณีย์ ริบบิ้นเป็นลอนยาวสยาย ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นอิทธิพลแบบตะวันตก

            ในขณะเดียวกัน การตกแต่งมุมผนังอาคารด้านนอกด้วยรูปปูนปั้นระบายสีทําเป็นรูปเทวบุตร เทวดาประนมกรในลักษณะผู้เฝ้าศาสนสถาน และทํารูปลายหม้อน้ำแห่งความอุดมสมบูรณ์ (ปูรณฆฏะ) หรือหม้อดอกตกแต่งตามช่องโค้งเหนือบานประตูหน้าต่าง  ลายหม้อดอกนี้เป็นสัญลักษณ์แห่งการโปรยพรให้แก่ผู้มาสักการะ ที่พิเศษคือยอดของหม้อดอกทำเป็นรูปคล้ายรัศมีของพระมหาพิชัยมงกุฎ ที่อาจได้รับอิทธิพลมาจากกรุงรัตนโกสินทร์ นอกจากนี้ยังมีการโชว์พื้นผิวของบานประตูด้วยเทคนิคการขูดร่องลึกเป็นเส้นริ้วขนานกันไปแบบทิ้งจังหวะช่องไฟอย่างทรงพลัง

            การทำริบบิ้นโดยรอบอาคารก็ดี หรือการทำหม้อดอกที่คล้ายพระมหาพิชัยมงกุฎก็ดี น่าจะต้องการสื่อความหมายถึงการร่วมเฉลิมฉลองพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 6

พระมหาธาตุเจดีย์ศรีจอมยอง

            เนื่องจากวัดล่ามช้างเป็นวัดร้างเก่า พระธาตุเจดีย์องค์เดิมตั้งแต่สมัยพระเจ้าติโลกราชได้ล่มสลายกลายเป็นซากปรักหักพังไปแล้ว ทำให้สมาคมฅนยอง และสมาคมชาวยอง ภายใต้การนำบุญของอาจารย์รัตน์ ปาละพงศ์ ผู้จัดการร้านผึ้งน้อยเบเกอรี่ ได้ดำริจัดสร้างพระเจดีย์ประจำวัดล่ามช้าง โดยใช้รูปแบบของพระมหาธาตุศรีจอมยองแห่งเมืองยองหรือมหิยังคณะในรัฐฉาน ประเทศสาธารณรัฐสหภาพเมียนมาร์มาเป็นต้นแบบ ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมแบบล้านนาที่สถาปนาโดยพระเจ้าติโลกราชในช่วงที่มีการเผยแผ่ศาสนาพุทธนิกายป่าแดงขึ้นสู่แผ่นดินเชียงตุง (เขมรัฐนคร) และมหิยังคนคร (เมืองยอง) ระหว่าง พ.ศ. 1984-2030 

1

ข่าวอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

เริ่มไปแล้ววันนี้งานแสดงรถยนต์ ETON CHIANGMAI EXPO 2024 ณ เซ็นทรัลเชียงใหม่ เฟสฯ 26 พย.ถึง...

ในงานท่านจะได้พบกับรถยนต์นำเข้าหลายรุูปแบบ ทั้งเครื่องยนต์สันดาป,ไฮบริด และรถยนต์ไฟฟ้า100% ที่นำมาเปิดรับจองสำหรับท่านที่สนใจอยากได้รถยนต์ไปใช้งาน เรามีข้อเสนอพิเศษเฉพาะคุณที่สนใจเชิญแวะมาหาเราได้ที่...


  • ข่าวยานยนต์
  • |
  • 26 พ.ย. 2567, 13:40
  • |
  • 45

ส่งมอบไปอีกคันแล้ว ฟอร์ด EV 2.0L Turbo Sport 4x2 6AT-DAT64(22B) เป็นรถยนต์ที่น่าใช้

 ส่งมอบรถยนต์น่าใช้ให้กับลูกค้า โดยที่ปรึกษาการขาย ดวงพร กิ่งจำปา  ร่วมแสดงความยินดีกับคุณ เดนนิช สุขสวัสดิ์  มารับ ฟอร์ด EV 2.0L Turbo Sport 4x2 6AT-DAT64(22B) ไปจากโชว์รูม ขอบคุณที่ ใ...


  • ข่าวยานยนต์
  • |
  • 23 พ.ย. 2567, 14:59
  • |
  • 73

ส่งมอบไปอีกคันแล้ว ฟอร์ด EV 2.0L Turbo Sport 4x2 6AT-DAT64(22B) เป็นรถยนต์ที่น่าใช้

 ส่งมอบรถยนต์น่าใช้ให้กับลูกค้า โดยที่ปรึกษาการขาย ดวงพร กิ่งจำปา  ร่วมแสดงความยินดีกับคุณ เดนนิช สุขสวัสดิ์  มารับ ฟอร์ด EV 2.0L Turbo Sport 4x2 6AT-DAT64(22B) ไปจากโชว์รูม ขอบคุณที่ ใ...


  • ข่าวยานยนต์
  • |
  • 23 พ.ย. 2567, 14:57
  • |
  • 58

ส่งมอบไปอีกคันแล้ว ฟอร์ด Double Cab Wildtrak 2.0L Turbo HR 6AT เป็นรถยนต์ที่น่าใช้

 ส่งมอบรถยนต์น่าใช้ให้กับลูกค้า โดยที่ปรึกษาการขาย เกลดา อินทะนะ ร่วมแสดงความยินดีกับ คุณ เฉลิมชัย คำแปง มาถอย ฟอร์ด Double Cab Wildtrak 2.0L Turbo HR 6AT ไปจากโชว์รูม ขอบคุณที่ ให้เกียรติมาเป็นค...


  • ข่าวยานยนต์
  • |
  • 23 พ.ย. 2567, 14:52
  • |
  • 65

ส่งมอบไปอีกคันแล้ว ฟอร์ด EV 2.0L Turbo Sport 4x2 6AT-DAT64(22B) เป็นรถยนต์ที่น่าใช้

 ส่งมอบรถยนต์น่าใช้ให้กับลูกค้าโดยที่ปรึกษาการขาย หฤทัย สมวงค์แก้ว ร่วมแสดงความยินดีกับ คุณ สุรพล อรทัย มาถอย ฟอร์ด EV 2.0L Turbo Sport 4x2 6AT-DAT64(22B) ไปจากโชว์รูม ขอบคุณที่ ให้เกียรติมาเป็นค...


  • ข่าวยานยนต์
  • |
  • 23 พ.ย. 2567, 14:43
  • |
  • 71

ส่งมอบไปอีกคันแล้ว ฟอร์ด Double Cab Sport 2.0L Turbo HR 6AT เป็นรถยนต์ที่น่าใช้

 ส่งมอบรถยนต์น่าใช้ให้กับลูกค้าโดยที่ปรึกษาการขาย ภุชงค์ ชมจำปี ร่วมแสดงความยินดีกับ คุณ สุทธิดาภรณ์ สายใจ ที่มาถอย ฟอร์ด Double Cab Sport 2.0L Turbo HR 6AT  ไปจากโชว์รูม ขอบคุณที่ ให้เกียรต...


  • ข่าวยานยนต์
  • |
  • 23 พ.ย. 2567, 14:39
  • |
  • 71
Sytiq Company

ออกแบบพัฒนาโปรแกรมและแอพลิเคชั่น

โดยบริษัทไซทิค ติดต่อ:0819507128

Sytiq Company

ออกแบบและติดตั้ง Home Automation

โดยบริษัทไซทิค ติดต่อ:0819507128