ประชาชนชาวเชียงใหม่รักสถาบัน ยังคงจับตาท่าทีสหรัฐฯ และเรียกร้อง สหรัฐหยุดแทรกแซงประเทศไทยและสถาบันกษัตริย์

ประชาชนชาวเชียงใหม่รักสถาบัน ยังคงจับตาท่าทีสหรัฐฯ และเรียกร้อง สหรัฐหยุดแทรกแซงประเทศไทยและสถาบันกษัตริย์ และเรียกร้องรัฐบาลไทยรักษาหลักการประชาธิปไตย รวมทั้งดำเนินคดีกับนักกิจกรรมทางการเมืองในคดี ม.112 
 

โดยก่อนหน้านี้เครือข่ายคนเชียงใหม่รักในหลวง, ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) และประชาชนราว 100 คน รวมตัวกันที่หน้าสถานกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกา ประจำจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อยื่นหนังสือถึงทูตสหรัฐอเมริกาให้สื่อสารถึง ซูซาน ไวลด์ (Susan Wild) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกา สมาชิกวุฒิสภา รัฐบาลอเมริกา และคนอเมริกันทุกคนหยุดแทรกแชงกิจการภายในของประเทศไทย และสถาบันพระมหากษัตริย์
 

ทางเครือข่ายฯ ได้มีการอ่านจดหมายเปิดผนึกฉบับมีเนื้อหาของจดหมายเปิดผนึก ระบุว่า “ประเทศไทยมีเอกราชมาอย่างยาวนานเป็นราชอาณาจักร (Kingdom of Thailand) ปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีรัฐธรรมนูญเป็นของตนเองมาตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2475แต่ ณ ปัจจุบันนี้กิจการภายในของประเทศไทยกำลังถูกแทรกแซงจากสภาของสหรัฐอเมริกา ดังจะเห็นได้จากเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร Ms.Susan Wild ได้เสนอร่างมติสภาผู้แทนราษฎร 369 (H.Res.369) เข้าไปที่สภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐอเมริกา
 

ร่างมติดังกล่าวได้ถูกส่งต่อไปยังคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ (Committee on Foreign Affairs) และได้ผ่านการพิจารณาจากสภาของท่านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งรายละเอียดข้อ 5 ของร่างมตินี้ที่เรียกร้องให้รัฐบาลไทยปล่อยและยุติการดำเนินคดีกับนักกิจกรรมทางการเมือง โดยเฉพาะเด็ก และนักเรียน เว้นจากการข่มขู่ คุกคาม หรือฟ้องดำเนินคดีผู้ที่เข้าร่วมการชุมนุมโดยสงบและกิจกรรมทางพลเมืองโดยทั่วไป และในข้อที่ 8 มีการเรียกร้องให้รัฐบาลไทยแก้ไขกฎหมายที่จำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์การเลือกตั้ง ยกตัวอย่างเช่น มาตรา 1 12 ประมวลกฎหมายอาญา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และ กฎหมายเกี่ยวกับยุยงปลุกปั่น
 

ทั้งนี้ ประชาชนชาวเชียงใหม่รักสถาบันยังคงจับตาท่าทีของสหรัฐอเมริกาต่อบทบาทในประเทศไทย และภูมิภาคอาเซียน เกี่ยวกับการแทรกแซงกิจการภายในประเทศทั้งทางตรงและทางอ้อม และยังคงเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวครอบงำและกดดันให้ประเทศไทยทำตามที่สหรัฐอเมริกาต้องการให้เป็น ซึ่งระเบียบและกฎเกณฑ์กติกาสากล มีการระบุไว้ชัดเจนว่าแต่ละประเทศมีอำนาจอธิปไตยเป็นของตนเอง และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสหรัฐอเมริกาจะดำรงซึ่งมิตรภาพความสัมพันธ์กับประเทศไทยโดยมีความเป็นกลาง ให้เกียรติ และไม่ก้าวก่ายกิจการภายในประเทศต่อไป