สำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดพิธีลงนามความร่วมมือทางวิชาการ “รวมพลังงานวิชาการขยายขอบเขตการศึกษาสู่ชุมชน” เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2566 ณ ห้องประชุมอินทนิล สำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ทั้งนี้สำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มีความมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนองค์ความรู้ที่มีอยู่ในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกับภาคีเครือข่าย ทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ การยกระดับความรู้ คุณภาพชีวิต ของคนทั้งในและนอกมหาวิทยาลัย ให้ก้าวสู่การเป็นพลเมืองโลกที่เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน และมีความสุขในการใช้ชีวิตจากการให้บริการวิชาการ ซึ่งการลงนามความร่วมมือทางวิชาการในครั้งนี้ เป็นการลงนามระหว่างสำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดย รองศาสตราจารย์ ดร.เศรษฐ์ สัมภัตตะกุล รักษาการผู้อำนวยการสำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่กับองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน 4 แห่ง ประกอบด้วย 1. บริษัท เชียงใหม่วีระวิศวการ จำกัด โดย นายแพน ศิริจันทร์ชื่น รองกรรมการผู้จัดการ
2. โครงการฟ้าม่วน ประกอบด้วย - สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจ.เชียงใหม่ โดยนาย ศุภมิตร กิจจาพิพัฒน์ ตำแหน่ง นายกสมาคม , วสท.สาขาภาคเหนือ1 โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปรีดา พิชยาพันธ์ ประธาน วสท. , สำนักงานตำรวจท่องเที่ยวเชียงใหม่ โดย พ.ต.ท.มกรา ศรีสกุลพิสุทธิ์ , สถาบันวิจัยพหุศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.สัญชัย จตุรสิทธา ผู้อำนวยการสถาบันฯ 3.บริษัท บีเอเอเค จำกัด โดยนางสาวนภารัตน์ พาสาลี ตำแหน่ง ผู้จัดการทั่วไปและผู้จัดการโครงกา และ 4. บริษัท PANDA EDUCATION จำกัด โดย ดร.เสรี วงศ์สมฤดี ผู้อำนวยการ
ซึ่งได้รับเกียรติจาก รองศาสตราจารย์ บุญรักษา สุนทรธรรม กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และคณะกรรมการอำนวยการประจำสำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดพิธีฯการลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ จะสามารถเสริมสร้างความเข้มแข็งของเครือข่ายความร่วมมือระหว่างกัน ในการถ่ายทอดและเผยแพร่องค์ความรู้ ด้านวิชาการและเทคโนโลยี จากการศึกษา การวิจัย ผ่านรูปแบบการฝึกอบรม สัมมนา การวิจัยและการถอดบทเรียนเพื่อพัฒนาต่อยอดสู่องค์ความรู้ เพื่อให้เกิดความมั่นคงต่ออาชีพ และคุณภาพชีวิตของประชาชนทั้งในปัจจุบันและอนาคต
โดยรองศาสตราจารย์ ดร.เศรษฐ์ สัมภัตตะกุล รักษาการผู้อำนวยการสำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า UNISERV หวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะเป็นกำลังสำคัญของสังคมที่จะให้บริการวิชาการในระดับแนวหน้าของประเทศด้วยองค์ความรู้ การบริการวิชาการ การบริการห้องประชุม อย่างมืออาชีพ การลงนามในวันนี้ไม่เพียงแต่เป็นการสื่อเชิงสัญลักษณ์ให้ทุกคนทราบว่า เรามีเครือข่ายใดบ้างต่อจากนี้ แต่ยังแสดงถึงความตั้งใจของเราในการที่จะผลักดันการบริการวิชาการในหลากหลายประเด็นที่ตอบโจทย์ในระดับจุลภาค และมหภาค วันนี้เป็นการเริ่มต้นในสิ่งเหล่านี้ และนับจากนี้ เราก็จะนำไปสู่การปฏิบัติจริง และติดตามผลกระทบที่มีต่อบุคคล สังคม ซึ่งเราเชื่อว่าเป็นคุณค่าและมูลค่านี้ที่สำนักบริการวิชาการ และเครือข่าย ได้ร่วมลงนาม จะส่งผลดีไม่มากก็น้อยต่อคนในรุ่นปัจจุบัน และรุ่นหลังต่อไป งานในวันนี้ และหวังว่าพวกเราจะได้มีโอกาส “ร่วมใจ รวมใจ” ในการพัฒนาเมือง พัฒนาประเทศด้วยกันต่อไป
ขณะที่นายศุภมิตร กิจจาพิพัฒน์ นายกสมาคมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ที่ผ่านมาจะเห็นว่า จังหวัดเชียงใหม่ประสบปัญหาหมอกควันเป็นประจำทุกปี เนื่องจากในช่วงเดือนธันวาคมถึงเมษายนสภาพอากาศจะมีการเอื้อต่อการสะสมของฝุ่นละอองขนาดเล็ก และยังเป็นช่วงที่มีการเผาทั้งในพื้นที่ป่าเพื่อเพิ่มพื้นที่เกษตรเพิ่มมากขึ้น และสิ่งสำคัญที่สุด ปัญหาจากประเทศเพื่อนบ้านส่งผลให้เมืองเชียงใหม่ที่มีสภาพภูมิศาสตร์เป็นแอ่งกระทะมีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กเกินมาตรฐาน ซึ่งอยู่ในระดับที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพพวกเรา โดยส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
"ผมจึงตระหนักถึงชาวบ้านในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ในเรื่องของสุขภาพที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์หมอกควันที่เกิดขึ้น จึงได้หารือกับทางตำรวจท่องเที่ยว วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ สาขาภาคเหนือ 1 สำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (Uniserv) และเครือข่ายหลายภาคส่วนที่เป็นแรงสนับสนุน ได้มีการพูดคุย ริเริ่มโครงการการบูรณาพัฒนาการและต่อยอดอากาศสะอาดเชียงใหม่ หรือเรียกสั้นๆ ว่า “ฟ้าม่วน” โดยเจตนารมณ์ที่จะช่วยเหลือชุมชนในการให้อากาศสะอาดโดยจะดำเนินติดตั้งเครื่องฟอกอากาศแบบ Semi-outdoor ในพื้นที่นำร่องจำนวน 3 เครื่อง ในจังหวัดเชียงใหม่ และเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในการป้องกันและบรรเทาเกี่ยวกับปัญหาหมอกควันแก่ประชาชนในพื้นที่ชุมชนนำร่องในเขตเทศบาล ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่"