เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.66 เวลา 10.00 น. ที่ชั้น 15 อาคารสุจิณุโณ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดงานแถลงข่าวสื่อมวลชนประจำปี 2566 พร้อมก้าวเข้าสู่ปีที่ 65 ด้วยวิสัยทัศน์ "โรงเรียนแพทย์ในดวงใจเพื่อยกระดับสุขภาวะของมนุษยชาติอย่างยั่งยืน" ศ.(เชี่ยวชาญพิเศษ) นพ.บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มช. กล่าวว่า "ในปี 2566 คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้รับการจัดอันดับที่ 251-300 ของโลก ด้านการแพทย์ (QS Ranking by Medicine) โดยมีผลงานวิจัยระดับนานาชาติที่ใช้ต่อยอดในการรักษาพยาบาล เพิ่มขึ้นเป็น 800 ฉบับต่อปี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ผ่านการประเมินคุณภาพจากองค์กรภายนอก ทั้งด้านการศึกษา การวิจัย การบริการอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นการผ่านการประเมินรับรองคุณภาพมาตรฐานโรงพยาบาลขั้นก้าวหน้า (Advanced HA หรือ AHA) และรางวัลการบริหารสู่ความเป็นเลิศ (Thailand Quality Class: TQC) เป็นครั้งที่ 2 รวมถึงมีกลุ่มโรคที่ผ่านการประเมินรับรองระบบการดูแลผู้ป่วยเฉพาะโรค (Disease Specific Certification - DSC เพิ่มขึ้นตามลำดับ โดยในปี 2566 มีโรคสำคัญ ที่ผ่านการประเมินนี้เพิ่มขึ้น 5 โรค และอีกหนึ่งในความภาคภูมิใจ คือ ทีมทรัพยากรบุคคลได้รับรางวัล Thailand HR InnovationAward 2023 ระดับ Silver Award ในโครงการ Modernized Workforce : Empowering Associate Instructors for Unparalleled Impact ซึ่งเป็นโครงการอาจารย์ระบบใหม่ของคณะฯ รวมถึงมี 2 หน่วยงานที่ผ่านการประเมินการสอบเทียบตามมาตรฐาน ISO/IEC 17025 ของห้องปฏิบัติการทดสอบ และสอบเทียบมาตรฐานเครื่องมือแพทย์ และผ่านการรับรองมาตรฐานสากล ด้านความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ (ISO/IEC 27001 : 201)
ด้านการวิจัย คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ก่อตั้งศูนย์วิจัยชั้นนำด้านสุขภาพหลายศูนย์ เช่น ศูนย์บูรณาการเทคโนโลยีการแพทย์ทันสมัย (CMUTEAM) เพื่อการวิจัยเชิงลึกด้านพันธุกรรม, ศูนย์โรค Thalassemia ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยโรคประจำถิ่นของภาคเหนือ, ศูนย์วิจัย Global Health ซึ่งมีความร่วมมือกับองค์การอนามัยโลก (WHO Collaboration) ด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด, ศูนย์ทดสอบและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารและสมุนไพร โดยในปีที่ผ่านมาศูนย์นี้มีผลิตภัณฑ์ครีมบำรุงผิวในหญิงวัยหมดประจำเดือน (FROL) และผลิตภัณฑ์ Coffogenic Drink ปลายปี 2566 ศูนย์วิจัยภาวะแวดล้อมและโรคจากการทำงาน (RCEOM) และศูนย์วิจัยพื้นฐานอายุยืนอย่างมีสุข (FLOW) จัดตั้งขึ้นเพื่อเพิ่มศักยภาพตามพันธกิจหลักของคณะฯ อย่างต่อเนื่อง"
คณบดีคณะแพทยศาสตร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า "เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินมายัง คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้ทรงทอดพระเนตรเยี่ยมศูนย์และกิจกรรมต่าง 1 ที่โดดเด่นของคณะฯ และโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่พวกเราชาวสวนดอกมีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง
ในด้านของการรักษาภิกษุสงฆ์อาพาธ โรงพยาบาลสงฆ์แห่งโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ได้เปิดดำเนินการมากว่า 5 ปี ขณะนี้มีพระภิกษุสงฆ์มารับบริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีสถิติพระสงฆ์ที่เข้ารับการรักษาจำนวนมากกว่า 10,000 รูปต่อปี ในปีนี้มีการต่อยอดการบริการในโครงการ กุฏิชีวาภิบาล ณ วัดศรีโสดา เพื่อดูแลพระภิกษุสงฆ์อาพาธที่วัด โดยมีความร่วมมือกับหลายหน่วยงานในจังหวัดเชียงใหม่
นอกจากนี้ ในปี 2566 คณะแพทยศาสตร์ มช. ได้มีการแถลงข่าวกิจกรรมสำคัญ จำนวน 6 ครั้ง ประกอบด้วย โครงการแพทย์ทางไกล Telemedicine, ความสำเร็จในการเปลี่ยนตับอ่อนครั้งแรกในภาคเหนือ, ผลิตภัณฑ์สมุนไพรบำรุงผิวในหญิงวัยหมดประจำเตือน (FROL, ห้องฉุกเฉินระบบdgtal ครบวงจร, ระบบการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย Wheel-B และห้องสวนและตรวจหัวใจ MRI ที่ห้องฉุกเฉินใหม่
ในปีนี้มีการปรับปรุงอาคารต่างๆ ของคณะฯ หลายแห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาคารผู้ป่วยหลวงปู่แหวน "สุจิณโณ" ซึ่งขณะนี้หลายชั้นได้ดำเนินการปรับปรุงเสร็จแล้ว และคาดว่าจะเสร็จทั้งหมดกลางปี 2567 หลังการปรับปรุงอาคารผู้ป่วยหลวงปู่แหวน "สุจิณโณ" จะเป็นอาคารผู้ป่วยที่มีความทันสมัยตามมาตรฐานสากล อีกทั้งมีการปรับปรุงห้องฉุกเฉินระบu Digtal ครบวงจร พร้อมกับการติดตั้งห้องสวนและตรวจหัวใจ MRI ในห้องฉุกเฉิน การปรับปรุงห้องผ่าตัดชั้น 2 และชั้น 3 รวมถึงห้องคลอด ซึ่งโครงการที่กล่าวมาจะแล้วเสร็จทั้งหมดกลางปีหน้า ส่วนงานปรับปรุงที่ได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว ประกอบด้วย หอผู้ป่วยสังเกตอาการ, ห้องตรวจผู้ป่วยนอกจิตเวช, ห้องแรงดันลบ ณ อาคารนิมมานเหมินทร์, ห้องปลูกถ่ายไขกระดูก, ห้องผ่าชันสูตรศพ, ห้องแพทย์ทางไกล (Telemedicine) รวมถึงสวน 60 ปี สวนดอก ที่สร้างความสดชื่นให้กับผู้ป่วยและบุคลากรชาวสวนดอกอีกด้วย
ส่วนโครงการบ้านพักญาติผู้ป่วยสวนดอก ที่ดำเนินการโดยมูลนิธิโรงพยาบาลสวนดอก เริ่มเปิดให้บริการได้ประมาณ 2 ปี พบว่ามีญาติผู้ป่วยมารับบริการเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ ญาติผู้ป่วยมีความพึงพอใจต่อการรับบริการระดับสูงมาก อีกทั้งมูลนิธิโรงพยาบาลสวนดอก ทำงานประสานงานกับโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ในโครงการออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่จำนวนหลายครั้ง ทั้งนี้เพื่อเป็นไปตามคำปฏิญาณของมูลนิธิในการช่วยเหลือสังคมในถิ่นทุรกันดาร
ในส่วนโครงการที่คณะแพทยศาสตร์ มช. จะได้ดำเนินการในปี 2567 สืบเนื่องจากมลภาวะ PM2.5 ทางคณะฯ มีนโยบายที่จะอาคารผู้ป่วยหลวงปู่แหวน "สุจิณโณ" เป็นอาคารนำร่อง ที่ทำระบบปราศจาก PM2.5 ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยโดยเริ่มโครงการที่ชั้น 5 และจะขยายจนครบทุกชั้นในอนาคต
ในโอกาสจะครบ 65 ปี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เราจะมีกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย รวมทั้งคอนเสิร์ตการกุศล "สวนดอกร้อยดวงใจ 65 ปี แพทย์เชียงใหม่" ซึ่งบรรเลงโดยวง Thai Symphony Orchestra ณ สนามฟุตบอล คณะแพทยศาสตร์ มช. เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา กิจกรรมที่จะเกิดขึ้นในการก้าวสู่ปีที่ 65 อย่างมั่นคงของเรา จะเป็นไปตามคำสอนของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศ อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ว่า "ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตนเป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์ เป็นกิจที่หนึ่ง" ทั้งนี้พวกเราพร้อมก้าวสู่การเป็นโรงเรียนแพทย์ในดวงใจของประชาชนทุกท่าน
บุคลากรของคณะแพทยศาสตร์ มช. ขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่ร่วมสร้างพลังอันยิ่งใหญ่ในการเป็นโรงเรียนแพทย์ในดวงใจ ของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในโอกาสครบ 65 ปี ในครั้งนี้