“ธรรมาสน์” อาสนะพระเณรเทศนาธรรมในวิหาร

ข่าวศิลปวัฒนธรรม , 18 ก.พ. 2567, 13:51

“ธรรมาสน์” อาสนะพระเณรเทศนาธรรมในวิหาร

     “ธรรมาสน์” มาจากภาษาสันสกฤตและบาลี โดยเอาคำสองคำมารวมกัน คือ "ธรรม" สนธิกับ "อาสนะ" ซึ่งแปลว่าแท่น, ที่นั่ง ธรรมาสน์จึงหมายถึงอาสนะสำหรับพระสงฆ์-สามเณรขึ้นนั่งแสดงธรรมเทศนา หรือใช้สวดพระปาฏิโมกข์ในพระวิหาร

     เชื่อว่าคนไทยคงเคยได้ยินคำว่า “แท่นมนังคศิลาบาตร” ของพ่อขุนรามคำแหงสมัยสุโขทัยเป็นอย่างดี ว่าท่านสร้างแท่นนี้ไว้กลางป่าตาลเพื่อใช้เทศนาสอนประชาชน (พระสงฆ์หรือที่ในจารึกหลัก 1 ใช้คำว่า “ปู่ครู” นั่งเทศน์บน “หินขดาน” ในวันธรรมสวนะ ส่วนวันอื่นๆ ที่เหลือ พ่อขุนรามขึ้นเทศน์ต่อ) แท่นดังกล่าวน่าจะเป็นต้นเค้าให้แก่ธรรมาสน์รุ่นแรกๆ ในประเทศไทยต่อมา

รูปแบบธรรมาสน์รุ่นเก่าในประเทศไทย เท่าที่ดิฉันสืบค้นได้ตอนนี้พบว่ามีอายุเก่าถึงสมัยอยุธยาตอนปลายในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาทเท่านั้น (หมายเหตุหากท่านใดมีข้อมูล พบธรรมาสน์ที่อายุเก่าถึงสมัยอยุธยาตอนกลาง ตอนต้น หรือสุโขทัย กรุณาแจ้งและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับดิฉันด้วย) ธรรมาสน์ชิ้นเก่าที่ว่านี้อยู่ที่วัดเสนาสนาราม ต.หัวรอ อ.เมือง พระนครศรีอยุธยา ในวิหารน้อยด้านหลังวิหารหลวงและวิหารพระนอน เรียกว่า “วิหารพระเจ้าอินทร์แปลง”

ธรรมาสน์รุ่นเก่าของวัดเสนาสนารามนี้ มีถึงสองตัวตั้งประจันหน้าเข้าหากัน มีแท่นบันไดแบบถาวรก่อปูนสองขั้นค่อนข้างชัน ตัดขึ้นตรงสู่แท่นนั่งที่มีพนักท้าวแขนด้านหน้า ไม่มีหลังคาคลุมใดๆ น่าสนใจทีเดียวที่มีการทำธรรมาสน์แบบเผชิญหน้ากันถึง 2 ตัว

ส่วนธรรมาสน์รุ่นเก่าสุดในล้านนาพบที่วิหารจามเทวี วัดปงยางคก อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง 

เป็นธรรมาสน์ไม้เขียนลายคำน้ำแต้มประดับกระจก ส่วนแท่นทำเป็นฐานปัทม์ก่ออิฐถือปูนเพื่อความแข็งแรงคงทน โบกติดกับพื้นทำให้ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้นนูนแบนๆ ดังที่เรียกว่า "ลายสะทายจิ๋น"

          ถือเป็นศิลปะล้านนาสกุลช่างลำปาง พุทธศตวรรษที่ 22-ต้น 23 ธรรมาสน์ชิ้นนี้มีฐานสูง “ฝาผาย ไม่มียอด” หรือไม่มีหลังคา ศัพท์เชิงช่างภาคกลางเรียกว่า "ธรรมาสน์ฝาผาย" ซึ่งต่อมาจะเป็นต้นแบบให้กับ “ธรรมาสน์ประเภทหลังก๋าย” ถือเป็นธรรมาสน์แบบดั้งเดิม รูปทรงเก่าแก่ที่สุด มีลักษณะเป็นทรงผายออกคล้ายกับปากบาล 

ส่วนบนหรือที่เรียกว่า "เรือนเทศน์" ทำด้วยไม้ตกแต่งลวดลายลงรักปิดทอง เขียนลายกระจังท่ามกลางลายพันธุ์พฤกษา ล้อมกรอบด้วยลายประจำยามลูกโซ่ และลายกระหนกเปลว เรือนเทศน์ทำผนังเป็นวงโค้งสองวง (คล้ายโก่งคิ้ว) มาบรรจบกันที่ตอนกลาง ปีกที่มุมด้านข้างผายบานออก มีความสูงพอพ้นศีรษะของพระสงฆ์ที่นั่งเทศน์ ทำหน้าที่คล้ายเป็นกล่องเสียงหรือลำโพง ซึ่งทำให้เสียงเทศน์มีความดังกังวานมากขึ้น เป็นเหมือนเครื่องขยายเสียงของพระเณรขณะเทศนาธรรมให้ดังกระจายทั่วพระวิหารหลวง เปิดผนังด้านหนึ่งไว้เป็นช่องสี่เหลี่ยมสำหรับเป็นทางขึ้นลง ซึ่งต้องใช้บันไดชั่วคราว (พะอง หรือเกริน - เกิ๋น) มาพาดวาง

ธรรมาสน์วัดปงยางคกนี้ถือเป็นธรรมาสน์ล้านนารุ่นโบราณสกุลช่างลำปางที่มีอายุเกินกว่า 300 ปีแทบจะเป็นชิ้นเดียวที่ยังหลงเหลืออยู่ ลักษณะตัวธรรมมาสน์ที่ด้านล่างสอบเข้าและตอนบนผายออกเช่นนี้ ทำให้บางท่านสันนิษฐานว่าอาจจะมีวิวัฒนาการมาจากการใช้โลงศพก็เป็นไปได้ ซึ่งรูปทรงดังกล่าวต่อมาได้ประยุกต์นำมาใช้กับหีบพระธรรมสำหรับเก็บคัมภีร์ด้วยเช่นกัน โดยเรียกว่า "หีบธรรมทรงสี่เหลี่ยมคางหมู" 

เท่าที่ดิฉันเดินทางไปศึกษาสำรวจธรรมาสน์ตามวัดต่างๆ มากกว่า 700 แห่งทั่วล้านนา นานกว่า 20 ปี พบว่าธรรมาสน์ล้านนามีหลายรูปแบบแตกต่างกันไปตามแต่อายุการสร้าง สกุลช่าง และรสนิยมพื้นถิ่น โดยรวมมีข้อสังเกตว่า ธรรมาสน์ของวิหารวัดต่างๆ ในล้านนามักจะตั้งเยื้องไปทางด้านหน้าพระประธานเล็กน้อยด้านซ้ายมือ (มองจากคนเข้าไปในวิหาร) มากกว่าด้านขวามือ ส่วนในพระอุโบสถนั้น พบว่าธรรมาสน์จะตั้งอยู่ท่ามกลางคณะสงฆ์ทั้งหมด และหน้าที่ของธรรมาสน์ในปัจจุบัน มากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ใช้เฉพาะในการขึ้นเทศน์มหาชาติช่วงเทศกาลยี่เป็งเท่านั้น ไม่ใช่ใช้ขึ้นนั่งสวดประจำวันแบบสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช 

องค์ประกอบของธรรมาสน์ที่สมบูรณ์มี 5 ส่วน ได้แก่ ส่วนฐาน ส่วนกลาง ส่วนยอด แท่นวางคัมภีร์ และบันไดขึ้น

องค์ประกอบแรก ส่วนฐาน ธรรมาสน์ทั่วไปสร้างบนผังสี่เหลี่ยมจัตุรัสยกพื้นเล็กน้อย มีทั้งแบบเรียบๆ ไม่ย่อมุม หรือย่อมุมพอประมาณ ไปจนถึงแบบย่อมุมไม้สิบสองถี่ยิบ บ้างประดับตกแต่งช้างหมอบสี่มุมแบกรับฐานเขียงสามชั้น หรือประดับรูปปีนักษัตรต่างๆ เมื่อราว 100 ปีที่ผ่านมาถือเป็นยุคทองของธรรมาสน์ นิยมทำฐานย่อเก็จติดกระจกสี 

องค์ประกอบที่สอง ส่วนกลาง เรียก “เรือนเทศน์” ส่วนนี้เองคือหัวใจที่นั่งเทศนา พัฒนามาจากแท่นมนังคศิลาบาตร ประกอบด้วยแผงกั้นธรรมาสน์ 3 ด้าน แต่ละด้านจะเป็นผนังทึบหรือโปร่งก็สุดแท้แต่ นิยมตกแต่งแผงกั้นด้วยหัวเสาไม้กลึงทรงมัณฑ์ เรือนเทศน์มีพนักพิงด้านเดียว ในส่วนนี้เมื่อแหงนขึ้นมองที่เพดาน มักมีการตกแต่งลวดลายคล้ายดาวเพดานของวิหาร หรือลวดลายเทวดาต่างๆ ส่วนพนักธรรมาสน์แบบทึบที่ด้านนอกก็ไม่ได้ปล่อยพื้นที่ว่าง นิยมตกแต่งลวดลายต่างๆ เช่น ประติมากรรมลอยตัวรูปเทวดากางแขนยกมือเทินหลังคา 

     อนึ่ง การสร้างเรือนเทศน์ให้อยู่บนที่สูง โดยมีแถวเสาคล้ายม่านปิดกั้นกลางระหว่างผู้เทศน์และผู้ฟังนั้น อันที่จริงมีกุศโลบายหลายประการ ได้แก่

1. เพื่อให้เสียงดังไปไกลเพราะผู้เทศน์อยู่สูงกว่าผู้ฟัง ยิ่งในสมัยก่อนไม่มีเครื่องกระจายเสียงเหมือนกับปัจจุบัน

2. เพื่อไม่ให้พระธรรมกถึก (พระนักเทศน์) ที่พรรษาน้อยเกิดความประหม่าในขณะเทศน์ การนั่งบนธรรมาสน์สามารถทำให้ผู้เทศน์รู้สึกผ่อนคลายในห้องหับส่วนตัว เพราะสามารถอยู่ในอิริยาบถใดก็ได้ ไม่ต้องเกร็งต่อผู้ฟัง เช่นบางขณะรู้สึกร้อน อาจไม่จำเป็นต้องห่มผ้าอังสะก็ได้

3. พุทธศาสนิกชนจะได้ยินแต่เสียงอันไพเราะและเนื้อหาที่มีสาระของคำเทศนา หากพระธรรมกถึกเป็นพระหนุ่มเณรน้อยและผู้ฟังเป็นหญิงสาว ต่างก็ไม่ต้องเกิดอาการจิตใจฟุ้งซ่านต่อกัน หรือหากผู้เทศน์อายุน้อย และผู้ฟังเป็นคนสูงอายุ ต่างฝ่ายก็ไม่ต้องเกิดทิฐิมานะซึ่งกันและกัน

4.พระธรรมเป็นของสูง จำเป็นต้องให้ความเคารพอย่างยิ่ง ดังนั้นการเทศนาธรรม ควรกำหนดให้เทศน์ในสถานที่ที่เหมาะสมแก่การยกย่องให้เกียรติ เป็นการเพิ่มบารมีให้แก่ผู้เทศน์

องค์ประกอบที่สาม ส่วนยอด หรือหลังคาเป็นสัญลักษณ์ของวิมานหรือปราสาทแก้วบนสวรรค์ ซึ่งส่วนนี้จะมีพัฒนาการไปตามยุคสมัย รสนิยม สถานะของผู้สร้าง สามารถจำแนกรูปทรงของชั้นหลังคาที่ค่อยๆ คลี่คลายจากเตี้ยไปหาสูงได้สามรูปแบบคือ 1. ธรรมาสน์หลังก๋าย 2. ธรรมาสน์หลังกูบ (ยอดมงกุฎ) 3. ธรรมาสน์ทรงปราสาท หรือ “ธรรมปราสาท”

ธรรมาสน์หลังก๋าย

          ดังที่เรียนให้ทราบแล้วว่า เป็นรูปแบบที่รับอิทธิพลมาจาก ธรรมาสน์ฝาผายที่มีต้นแบบอยู่ที่วัดปงยางคก คือทรงหลังคาตัดตรง ผายออกด้านบน รูปแบบนี้ในยุคหลังพัฒนาไปในลักษณะตกแต่งส่วนกลีบบัวหรือลายกระจังซ้อนชั้นอลังการมากขึ้น เป็นธรรมาสน์ที่ใช้กับวิหารที่มีเพดานไม่สูงมากนัก

ธรรมาสน์หลังกูบ (หลังอูบ) ยอดมงกุฎ 

บ้างเรียกทรงมัณฑ์ คือยกชั้นหลังคาขึ้นสูงเล็กน้อย 1-2 ชั้น ธรรมาสน์ประเภทที่สองนี้ใช้ “ป่องปิ้ว” หมายถึงช่องบัญชรเล็กๆ หรือศัพท์ภาคกลางเรียกซุ้มบันแถลง ที่ปกติซุ้มแบบนี้ต้องประดับในแนวตั้ง จับมาเอนลาดลงบนหลังคาชั้นที่ 1 ชั้นนี้ประดับแค่ลายกระหนกพองามไม่มีการตกแต่งช่อฟ้าจำลองหลังคาปราสาทแบบประเภทที่สาม ใช้ครีบนาคทั้ง 4 ที่มุมสันของตัวป่องปิ้วชั้น 1 ลากนําไปสู่ยอดหลังคาทรงมัณฑ์ชั้นที่ 2 ซึ่งส่วนปลายยอดตกแต่งเป็นทรงมงกุฎ ประกอบด้วยกระจัง 3 ชั้น ปลียอดและพุ่มข้าวบิณฑ์ ธรรมาสน์หลังกูบยุคหลังๆ ยกชั้นหลังคาสูงขึ้นกลายเป็น “ยอดบายศรี” 

ธรรมาสน์ทรงปราสาท (ธรรมปราสาท)

"ธรรมปราสาท" ถือเป็นพัฒนาขั้นสุดท้ายแห่งยุคทองของ “ธรรมาสน์ในล้านนา” เป็นธรรมาสน์ที่สร้างให้วิจิตรพิสดาร อลังการ รุ่มรวย ซับซ้อนมากขึ้น ด้วยการทำยอดแหลมสอดรับกับเพดานวิหารที่สูงโปร่งโล่ง จึงยกระดับหลังคาธรรมมาสน์ให้จำลองยอดปราสาทสูงซ้อนชั้น มีซุ้มประตู-หน้าต่าง ช่อฟ้าใบระกาหางหงส์ หน้าแหนบมาประดับ

ทั้งนี้ก็ด้วยความประสงค์ที่ต้องการบูชาพระธรรม อันเป็นของสูงในชั้นโลกุตระ นอกจากนี้ยังเป็นค่านิยมที่ได้จากการทำนายชะตาเกิดหรือพรหมชาติแบบล้านนา ว่าคนที่เกิดปีใดให้ถวายอะไร บางปีให้ถวายบ่อน้ำ บางปีให้สร้างศาลาบาตร  บางปีให้ถวายธรรมาสน์ ทั้งหมดนี้ถือว่าเป็นอานิสงส์ส่วนบุญอันเป็นทิพย์ในปรโลก จึงเป็นเหตุให้บุคคลที่มีฐานะหรือเหล่าคณะศรัทธาวัดจัดสร้างธรรมาสน์ทรงสูงถวายวัดขึ้น

          ธรรมปราสาทยุคหลังๆ นอกจากจะพัฒนาส่วนหลังคาให้มีลูกเล่นสูงเสียดเพดานแล้ว ในส่วนของเรือนเทศน์ยังเน้นซี่ไม้โปร่งๆ สูงเพรียวคล้ายลูกกรง บางแห่งใช้เสาล้อมตัวเรือนเทศน์กลายเป็นทรงกลม หรือทรงแปดเหลี่ยมก็มี 

          องค์ประกอบที่สี่ ที่วางคัมภีร์สำหรับอ่าน ใช้สวดเทศน์ บางแห่งทำแท่นสูงคล้ายโพเดียม อยู่ที่ช่องด้านนอกตรงผนังด้านใดด้านหนึ่ง บางแห่งทำประติมากรรมรูปเทวดาระบายสีกางปีกเชิญคัมภีร์ เช่นที่วัดปงสนุก และวัดป่าแหน่ง ทั้งสองแห่งนี้เป็นสกุลช่างลำปาง

          องค์ประกอบที่ห้า ส่วนของ “เกริน” หรือบันได (ภาษาล้านนาเรียก “เกิ๋น”) ที่ยกออกได้ให้พระ-เณรปีนขึ้นลง เพราะเรือนเทศน์ตั้งอยู่บนฐานสูงจากพื้นมากกว่าระดับธรรมดา บันไดนี้เรียกว่า "บันไดนาค" เรียกตามลักษณะที่ทำเป็นลำตัวนาคทอดลงมา โดยมีหางช่อกระหนกอยู่ตอนบน และวางเศียรนาคซึ่งทางเหนือเรียกว่า "ตัวลวง" หรือ "รุ้ง" ไว้แนบพื้น ขั้นบันไดโดยทั่วไปมี 3-5 ขั้น ถี่หรือห่างแล้วแต่ความสูงและความเหมาะสม

ปัจจุบันธรรมาสน์กลายเป็นแค่เครื่องประดับตกแต่งชิ้นหนึ่งในวิหาร เหลือแค่สัญลักษณ์ แทบไม่มีประโยชน์ใช้สอยอีกเลย เพราะไม่นิยมให้พระเณรปีนขึ้นไปเทศน์ข้างบน

23

ข่าวอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

#โชว์รูมฮุนไดเชียงใหม่นิธิบูรณ์ Hyundai Deal SEOUL Good with The all-new SANTA FE Hybrid​...

#โชว์รูมฮุนไดเชียงใหม่นิธิบูรณ์ Hyundai Deal SEOUL Good with The all-new SANTA FE Hybrid​  Motor Expo Campaign ที่สุดแห่งดีล ฟีลเกาหลี​ เป็นเจ้าของ The all-new SANTA FE Hybrid​ รถเอสยูวีไฮบร...


  • ข่าวยานยนต์
  • |
  • 27 พ.ย. 2568, 11:30
  • |
  • 103

เอชดีเจมอเตอร์ ฮุนไดเชียงใหม่ ส่งมอบรถ Hyundai IONIQ 5 Exclusive ให้ลูกค้าคนพิเศษ พร้อมขอบ...

เอชดีเจมอเตอร์ ฮุนไดเชียงใหม่ โดยที่ปรึกษาการขาย ร่วมแสดงความยินดีพร้อมส่งมอบรถใหม่ Hyundai IONIQ 5 Exclusive สีทอง ให้กับ คุณศุภิสรา รัศมีพลังสันติ พร้อมขอขอบคุณที่ให้เกียรติมาเป็นครอบครัวฮุนได ...


  • ข่าวยานยนต์
  • |
  • 25 พ.ย. 2568, 13:27
  • |
  • 347

มอบรถ Hyundai CRETA ALPHA สีดำ

เอชดีเจมอเตอร์ ฮุนไดเชียงใหม่ โดยที่ปรึกษาการขาย ร่วมแสดงความยินดีพร้อมส่งมอบรถใหม่  ให้กับ คุณศราวุธ บัวล้อม Hyundai CRETA ALPHA สีดำ  ขอขอบคุณที่ให้เกียรติมาเป็นครอบครัวฮุนได สอบถามรายละเอ...


  • ข่าวยานยนต์
  • |
  • 22 พ.ย. 2568, 14:29
  • |
  • 188

ปลายปีนี้พบงานแสดงรถยนต์ทั้งที่เซ็นทรัลเชียงใหม่เฟสและที่แอร์พอร์ต

งานแรก 18-24 พฤศจิกายน 2568 งานนี้จัดโดย MG ไทยแลนด์งาน MG City DRIVEมีรถยนต์ MG มาให้แฟนๆ ได้ทดลองขับครบทุกรุ่นใครอยากได้รุ่นไหนก็แจ้งทีมงานขอทดลองขับได้เลยงานนี้สำนักงานใหญ่มาเองเพื่อยอดขายให้ได้สูง...


  • ข่าวยานยนต์
  • |
  • 20 พ.ย. 2568, 19:05
  • |
  • 364

มิตซูแสงชัยจัดหนัก งาน Exclusive Test Drive "XForce Garden" มหาสุขฟาร์ม Mahasuk Farm

พิเศษเฉพาะงาน Exclusive Test Drive "XForce Garden"• จองในงานทุกรุ่น รับทันที กระเป๋า Gym bag ของแท้ จากแบรนด์ Mitsubishi• รับข้อเสนอพิเศษแคมเปญเดียวกับ Motor Expo 2025แล้วพบกันได้ที่งาน Exclusive Test...


  • ข่าวยานยนต์
  • |
  • 18 พ.ย. 2568, 19:36
  • |
  • 170

HyundHyundai Deal SEOUL Good with The all-new SANTA FE Hybrid ​ Motor Expo Campaign ที่สุด...

HyundHyundai Deal SEOUL Good with The all-new SANTA FE Hybrid ​Motor Expo Campaign ที่สุดแห่งดีล ฟีลเกาหลีOpen for More Utility อีกขั้นของความสะดวกสบายไปกับ The all-new SANTA FE Hybrid พร้อมที่วางขวดน...


  • ข่าวยานยนต์
  • |
  • 15 พ.ย. 2568, 12:16
  • |
  • 445
Sytiq Company

ออกแบบพัฒนาโปรแกรมและแอพลิเคชั่น

โดยบริษัทไซทิค ติดต่อ:0819507128

Sytiq Company

ออกแบบและติดตั้ง Home Automation

โดยบริษัทไซทิค ติดต่อ:0819507128