คนล้านนา วันนี้จะพาทุกท่านไปเที่ยวชม วัดโลกโมฬี วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่ ซึ่งก่อนอื่นจะขอแนะนำประวัติความเป็นมาของวัดกันก่อน แล้วจะพาไปรู้จักกับศาสนสถาน และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ที่ประดิษฐานอยู่ภายในวัดแห่งนี้ เพื่อที่ทุกท่านจะได้ไม่พลาดกิจกรรมสำคัญๆ เมื่อมีโอกาสได้เข้ามาเยือน
วัดโลกโมฬี เป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่ แม้จะไม่มีหลักฐานปรากฏอย่างแน่ชัดว่าถูกสร้างขึ้นในสมัยใด แต่ก็มีข้อมูลยืนยันว่าวัดโลกโมฬี นั้นมีอายุมากกว่า 500 ปี เนื่องด้วยมีการปรากฏหลักฐานจารึกชื่อวัดโลกโมฬี ไว้ในตำนานของวัดพระธาตุดอยสุเทพ โดยระบุว่า พระเจ้ากือนาธรรมิกราช กษัตริย์ล้านนาองค์ที่ 6 แห่งราชวงศ์มังราย ทรงโปรดอาราธนาให้คณะของพระอุทุมพรบุปผมหาสวามีเจ้า เมืองเมาะตะมะ ประเทศพม่า จำนวน 10 รูป มาสืบทอดพระพุทธศาสนาในดินแดนล้านนา ซึ่งคณะสงฆ์เหล่านั้นได้จำพรรษาที่วัดโลกโมฬี อันเป็นสถานที่ที่ใช้ในการต้อนรับพระราชอาคันตุกะจากต่างเมือง
ตามตำนานเล่าว่าเจดีย์ของวัดโลกโมฬีแห่งนี้ ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ.2071 ในรัชสมัยของพระเมืองเกษเกล้า กษัตริย์พระองค์ที่ 12 ในราชวงศ์มังราย แห่งอาณาจักรล้านนา ผู้ครองนครเชียงใหม่ ต่อมาในปี พ.ศ.2088 พระเมืองเกษเกล้า ถูกลอบปลงพระชนม์ พระอัครมเหสี พระมหาเทวีจิรประภาจึงได้ทรงนำพระอัฐิของพระองค์มาประดิษฐานยังวัดโลกโมฬี
พุทธสถานที่โดดเด่นและสวยงามที่สุดในวัดโลกโมฬี ได้แก่ วิหารหลวงวัดโลกโมฬี ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ได้มีการระบุว่าวิหารหลังเดิม ถูกสร้างขึ้นพร้อมกับเจดีย์ในปี พ.ศ.2071 ภายหลังได้มีการบูรณะจากวัดร้างให้กลายเป็นวัดที่มีเหล่าพระภิกษุจำพรรษา โดยพระธรรมเสนาบดี เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร รองเจ้าคณะภาค 7 เป็นองค์ประธานฟื้นฟู และได้มอบหมายให้ ดร.พระครูไพบูลเจติยานุรักษ์ เป็นประธานสงฆ์ ดูแลมาจนถึงปัจจุบัน โดยถูกสร้างขึ้นเป็นวิหารไม้สัก ศิลปะแบบล้านนา เพดานและเสาภายในวิหารแกะสลักด้วยลวดลายต่างๆ มีความวิจิตรปราณีตงดงาม ในส่วนของหน้าบัน (หน้าบรรณ) รูปจั่วประดับกระจกสี ทำให้เกิดสีสันหลากหลายระยิบระยับตัดกับบริเวณหลังคาวิหารที่มีสีพื้นเป็นโทนสีดำ พระประธานในวิหารไม้สักคือ พระพุทธสันติจิรบรมโลกนาถ เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปประจำวันเกิดของคนเกิดวันพฤหัสบดี ที่ได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้บนพระเมาลี เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ.2546 ใครที่อยากประสบความสำเร็จเป็นใหญ่เป็นโตในหน้าที่การงานต้องไม่พลาดที่จะเข้ามากราบไว้สักการะขอพรพระประธานในพระวิหารหลวงแห่งนี้
พุทธสถานสำคัญต่อมา ได้แก่เจดีย์วัดโลกโมฬี ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังพระวิหารหลวง ถูกสร้างขึ้นเมื่อปลายพุทธศตวรรษที่ 21 มีอายุกว่า 500 ปี เป็นเจดีย์เก่าแก่ทรงปราสาท ก่อด้วยอิฐล้อมด้วยรั้วกำแพงแก้วประดับด้วยลวดลายปูนปั้น มีประติมากรรมรูปเทวดาที่ประดับตามมุมของเจดีย์ มีซุ้มจระนำ ประดิษฐานพระพุทธรูปอยู่ทั้ง 4 ด้าน กิจกรรมสำคัญในบริเวณนี้ ซึ่งจะจัดขึ้นตามวาระโอกาสที่เหมาะสม ได้แก่ การร่วมบุญจารึกชื่อบนผ้าห่มองค์พระธาตุ และการชักรอกสรงน้ำพระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่บนกลางเจดีย์ อีกทั้งเป็นการสรงน้ำพระธาตุเจดีย์ไปพร้อมกัน ซึ่งเชื่อกันว่าผู้ใดได้สรงน้ำพระ ผู้นั้นจะพ้นจากทุกข์ภัยทั้งปวง ผลบุญนอกจากจะทำให้เป็นผู้มีความสดชื่นเย็นกายเย็นใจ ไม่มีเรื่องขุ่นข้องหมองใจแล้ว ยังมีอานิสงส์ทำให้ได้ไปสู่สวรรค์ชั้นดุสิตเลยทีเดียว ซึ่งเป็นคติความเชื่อกันมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลจนถึงปัจจุบัน
ภายในวัดโลกโมฬี ยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกมากมายให้มาขอพรเสริมความเป็นสิริมงคลกันอีกด้วย เริ่มที่สถานที่แรกซึ่งเป็นหมุดหมายของสายมู ด้านความรัก หนีไม่พ้น มณฑปพระนางจิรประภามหาเทวี ซึ่งตั้งอยู่บริเวณซ้ายมือเมื่อเดินเข้าประตูวัดมา ดร.พระครูไพบูลเจติยานุรักษ์ ประธานสงฆ์วัดโลโมฬี เล่าให้ฟังว่า พระนางจิรประภามหาเทวี เป็นกษัติยาธิราช หรือกษัตริย์หญิงของล้านนา เมื่อ 400 กว่าปีก่อน พระนางเป็นพระมเหสีพระเมืองเกษเกล้า กษัตริย์ผู้ครองนครเชียงใหม่ ผู้สร้างและผู้อุปถัมภ์วัดโลกโมฬี ประวัติความเป็นมาตามพงศาวดาร หลังพระเมืองเกษเกล้าถูกลอบปลงพระชนม์ พระนางจิรประภามหาเทวี จึงได้ขึ้นครองราชย์แทน เมื่อความรู้ถึงทางอโยธยา จึงส่งทหารมาเพื่อยึดเมืองเชียงใหม่ ด้วยความรักต่อพระสวามี และประชาชน พระนางจริประภามหาเทวี จึงใช้กุศโลบายเจรจาว่า อีก 2 ปีจะเป็นเมืองขึ้นของอโยธยา บ้านเมืองจึงรอดพ้นจากศึกสงคราม เนื่องด้วยความรักที่พระนางมีต่อพระสวามี บ้านเมือง และประชาชน ผู้คนจึงได้ยกย่องให้พระนางจิรประภามหาเทวี เป็นเทพแห่งความรัก ทางวัดจึงได้อัญเชิญรูปหล่อของทั้งสองพระองค์ มาประดิษฐานไว้เคียงคู่กัน ที่บริเวณมณฑปหน้าวัดให้ได้สักการะบูชากัน ใครที่มาวัดนี้ต้องไม่พลาดที่จะมาขอพรกับพระนางฯ เพื่อเสริมดวงด้านความรัก โชคลาภ การงานและการเงิน ซึ่งหลายคนต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ศักดิ์สิทธิ์จริง ขอแล้วได้จริง ต้องกลับมาอีกครั้งเพื่อแก้บน ส่วนรายละเอียดวิธีการสักการะ การขอพร หรือการบนบานศาลกล่าวกับพระนางจิรประภามหาเทวี ทางวัดก็ได้เขียนอธิบายไว้อย่างละเอียด ไว้ที่หน้ามณฑป
บริเวณใกล้กัน เป็นพระพรหมเอราวัณ พระผู้สร้างผู้ลิขิตความเป็นไปของมนุษย์ (คนนิยมมาบนบานขอพร เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง) หากใครบูชาพระพรหมด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์เชื่อว่าจะได้รับพรให้สมหวังในสิ่งที่หวังและตั้งใจไว้แน่นอน
ถัดมาเป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธอโรคยาปฐมาสุขี หรือพระปางหมอยา ผู้เป็นพระบรมครูแห่งยารักษาโรค พระนามของพระองค์แปลว่าพระพุทธเจ้าที่เป็นครูผู้รู้ถึงแนวทางการขจัดปัดเป่าให้พ้นจากความทุกข์ที่เกิดจากการเจ็บไข้ได้ป่วย ทั้งทางร่างกายและจิตใจเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิต ใครที่เจ็บไข้ได้ป่วยก็สามารถมาสักการะขอพรจากท่านได้
ส่วนท่านใดที่อยากทำบุญถวายภัตตาหาร หรือถวายสังฆทาน ให้ไปที่กุฏิพระเมืองเกษเกล้า ดร.พระครูไพบูลเจติยานุรักษ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสุเทพฯ ประธานสงฆ์วัดโลกโมฬี หรือครูบารมีโลกโมฬี ที่ชาวติ๊กต็อก รู้จักกันเป็นอย่างดี ท่านจะออกมาพบปะญาติโยมที่มาทำบุญกันตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึงบ่ายโมงทุกวัน กรณีไม่ติดกิจนิมนต์ที่ไหน ใครมีเรื่องทุกข์ใจไม่สบายใจก็ไปทำบุญรับศีลรับพรเพื่อความเป็นสิริมงคลกันได้เลย
นอกจากนี้ยังมีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมพันมี พระโพธิสัตว์ของพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน ซึ่งผู้คนนิยมมาไหว้แก้ปีชงเสริมดวงเสริมโชคชะตาราศรี ซึ่งเชื่อกันว่าการสวดคาถาบูชาเจ้าแม่กวนอิม จะช่วยเสริมความเป็นสิริมงคลในชีวิต เจ้าแม่กวนอิมจะช่วยปัดเป่าความทุกข์ และโรคภัยไข้เจ็บให้แก่ผู้เดือดร้อน หรือใครที่มีปัญหาติดขัดเรื่องการงาน การเงิน ความรัก และโชคลาภ เชื่อกันว่าหากตั้งจิตอธิษฐานขอพรอย่างแน่วแน่ ก็จะสัมฤทธิ์ผลได้
อีกหนึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ต้องไปสักการะบูชาในวัดโลกโมฬี ก็คือ องค์หลวงพ่อเงินเปิดโลกทันใจ ซึ่งประดิษฐานอยู่บริเวณหน้ากุฏิพระเมืองเกษเกล้า เป็นพระปางเปิดโลก หล่อด้วยเงินแท้ความยาว 2.99 เมตร ยืนอยู่บนดอกบัว พระหัตถ์ทั้งสองข้างห้อยลงบนพระวรกาย แบฝ่าพระหัตถ์ทั้งสองไปข้างหน้า เป็นกริยาทรงเปิดโลก อันเป็นมหามงคล ประดุจดังเป็นการเปิดโลก เปิดดวงชะตา พบหนทางสว่าง สู่ความเป็นมหามงคล ผู้คนนิยมมากราบไหว้สักการะเพื่อขอพรให้ช่วยเปิดทรัพย์ เปิดโชคเปิดลาภ เปิดหน้าที่การงานให้ประสบความสำเร็จ อีกทั้งขอให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากภยันตรายต่างๆ เนื่องจากเคยมีเหตุการณ์รอดตายแบบปาฏิหาริย์ ของสองพี่น้องที่ประสบอุบัติเหตุรถตกเหวลึก 200 เมตร รถพังเสียหายยับเยินแต่ไม่ได้รับอันตราย เนื่องจากห้อยเหรียญหลวงพ่อเงินเปิดโลกทันใจ "รุ่นเจ้าสัวแจกข้าวสาร" ซึ่งเป็นรุ่นแรกของวัดเอาไว้ เชื่อกันว่าเป็นเพราะพุทธคุณของหลวงพ่อเงินเปิดโลกทันใจ นั่นเอง
ถัดมาเป็นที่ประดิษฐานขององค์พระพิฆเนศ เมื่อกล่าวถึงพระพิฆเนศ คงไม่มีใครไม่รู้จักเทพเจ้าองค์นี้อย่างแน่นอนเพราะเป็นเทพที่คนไทยจำนวนมากนับถือศรัทธาในฐานะองค์บรมครูแห่งศิลปะวิทยาการ 18 ประการ เรียกได้ว่าเป็นเทพแห่งศิลปะทั้งมวล และเป็นเทพองค์สำคัญในการประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ ซึ่งตามความเชื่อของศาสนาพราหมณ์ฮินดูนั้น พระพิฆเนศเป็นเทพองค์แรกที่ต้องบูชาก่อนเริ่มพิธีกรรมใดๆ เนื่องด้วยองค์พระศิวะ ได้ประธานพรให้กับท่านว่าในการประกอบพิธีทั้งหลายทั้งปวงจะต้องมีการทำพิธีบูชาพระพิฆเนศก่อน เพื่อให้เกิดความสัมฤทธิ์ผลของพิธีการนั้นๆ จึงเป็นที่มาของความเชื่อที่ว่าท่านเป็นเทพแห่งความสำเร็จนั่นเอง
อีกหนึ่งจุดไฮไลท์ที่โดดเด่นของวัดแห่งนี้ก็คือ ซุ้มประตูทางเข้าวัดโลกโมฬี ซึ่งสร้างเป็นซุ้มประตูโขงทรงศิลปะล้านนา ก่อด้วยอิฐแดงโบราณ ประดับด้วยลวดลายปูนปั้นสีขาวโดดเด่นสวยงาม ถูกเลือกเป็นฉากในละครโทรทัศน์ชื่อดังเรื่อง "กลิ่นกาสะลอง" นำแสดงโดย ญาญ่า อุรัสยา และเจมส์ มาร์ จนกลายเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมที่ต้องรอต่อคิวถ่ายรูปกันเลยทีเดียว
ใกล้กับซุ้มประตูหน้าวัด จะพบรูปปั้นท้าวเวสสุวรรณ หรือบางคนเรียกว่าท้าวกุเวร หรือเวสวรรณ นักท่องเที่ยวนิยมมากราบไหว้สักการะบูชา ด้วยความเชื่อที่ว่า ท้าวเวสสุวรรณ เป็นเทพเจ้าแห่งความร่ำรวย เป็นสัญลักษณ์ของมหาเศรษฐี เพราะเป็นผู้รักษาขุมทรัพย์ของแผ่นดิน เป็นเทพแห่งความมั่งคั่ง มีอำนาจในการประทานทรัพย์แก่ผู้ประพฤติดีประพฤติชอบ ผู้ใดหวังความเจริญในลาภยศ ทรัพย์สินเงินทอง อำนาจวาสนา ก็มักจะมากราบไหว้บูชารูปปั้นท้าวเวสสุวรรณ ณ จุดนี้
ได้ทำความรู้จักประวัติความเป็นมา ข้อมูลศาสนสถาน และสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมายที่ประดิษฐานอยู่ภายในวัดโลกโมฬี กันแบบครบถ้วนกันไปแล้ว หวังว่าทุกท่านคงจะมีโอกาสได้ไปเยี่ยมชม และสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดเพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิต ในโอกาสต่อๆ ไป
วัดโลกโมฬี เป็นวัดเพียงไม่กี่แห่งที่เปิดให้ประชาชน นักท่องเที่ยว เข้าไปเที่ยวชมได้ ตลอด 24 ชั่วโมง วัดโลกโมฬี ตั้งอยู่บริเวณคูเมืองเชียงใหม่ด้านนอก เลขที่ 298/1 ถนนมณีนพรัตน์ ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมืองเชียงใหม่