สมาชิกสภาเทศบาล หรือ ส.ท.มีความสัมพันธ์กับเมียชาวบ้าน ถูกร้องศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ ส่งให้ สภา ทต.บวกค้าง เปิดสภาลงมติ เพื่อขับ ส.ท.คนที่มีกิ๊ก ญาติสามีผู้เสียหาย ถือป้ายประท้วงหน้าเทศบาล “สภาอันทรงเกียรติ อย่าให้คนผิดอยู่ในสภา“ แต่สภาลงมติ ให้ทำหน้าที่ ส.ท.ต่อ ทางสามี เตรียมหลักฐานฟ้อง “ผู้ว่าฯเซมเบ้” ขอให้กำจัดคนผิดศิลธรรม-จริยธรรมด้วย เพราะครอบครัวแตกแยกชีวิตพัง
เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 26 มี.ค.67 ที่เทศบาลตำบลบวกค้าง (ทต.บวกค้าง) ต.บวกค้าง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ นายชาติ ใจคำปัน ประธานสภาเทศบาลตำบลบวกค้าง พร้อมนายต่อพงษ์ พิมพิสาร นิติกรชำนาญการ ทำหน้าที่เลขานุการสภาเทศบาลตำบลบวกค้าง ได้เปิดการประชุมภาเทศบาลตำบลบวกค้าง กรณีลงมติ ขับ ส.ท.ชาย 1 ใน 12 ส.ท.ที่ทำหน้าที่ในสภา ทต.บวกค้าง ให้พันจากตำแหน่ง
กรณีปัญหาดังกล่าว สืบเนื่องจากนายศุภชน ศรีตา ผู้เป็นสามีของหญิงที่ถูก ส.ท.ใน ทต.บวกค้าง คนหนึ่งแอบมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง จนทำให้ครอบครัวนายศุภชน ต้องเลิกลากับภรรยา ต้องแยกกันอยู่กับลูก ทำให้ครอบครัวล้มสลายชีวิตพัง และได้ร้องทุกข์ไว้ที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอสันกำแพง ทางศูนย์ดำรงธรรมลงความเห็น ผิดจริยธรรมและศิลธรรม ให้สภา ทต.บวกค้าเปิดสภาเพื่อสรุปปัญหาดังกล่าวในวันที่ 26 มี.ค.นี้
ในช่วงเช้าก่อนประชุมสภา ทางนายศุภชน พร้อมครอบครัว ได้ทำป้ายเขียนขอความ มีดังนี้ “ขอความเป็นธรรม”, ”สภาอันทรงเกียรติ อย่าให้คนผิดอยู่ในสภา“, “ผิดคือผิด” , ส.ท.เลือกโดยประชาชน อย่าเห็นแก่พวกพ้อง“ และ ”ใครเข้าข้างคนผิด โดนฟ้องจนถึงที่สุด“
ก่อนนายศุภชน จะชูป้ายข้อความต่างๆดังกล่าว ได้ปรึกษานายต่อพงษ์ พิมพิสาร นิติกร และเลขาสภา ทต.บวกค้างแล้วว่า สามารถทำได้หรือไม่ นิติกรสภา บอกว่า สามารถทำได้
นายศุภชน กล่าวว่า ตนได้ชูป้ายที่ประตูทางเข้า ทต.บวกค้าง เพื่อต้องการสื่อสารให้ ส.ท.ที่จะลงมติ ร่วมถึง ส.ท.ที่ทำผิดจริยธรรมมี่ความสัมพันธ์ชู้สาวกับภรรยาตน ได้ทราบถึงความไม่พอใจที่ ส.ท.ชายคนดังกล่าว เป็นหนึ่งในสภา ที่มี ส.ท.ทั้งหมด 12 คน ให้ทราบถึงความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับความสูญเสียทั้งการใช้ชีวิต และกระทบต่อจิตใจที่ร้ายแรงต่อครอบครัว ทำให้ครอบครัวแตกแยก เสียภรรยาและลูกไปเพราะวันนี้แยกกันอยู่ ขอให้ ส.ท.ทุกคนทราบปัญหาของครอบครัวตน และให้ทราบว่า สภา ทต.บวกค้างต้องไม่เอาคนผิดศิลธรรมจริยธรรมมาบริหารงานในภาฯ เพราะจะทำให้สภาเสียชื่อเสียง ก่อนที่จะลงมติ จะให้ ส.ท.คนที่ผิดศิลธรรม ควรไม่ให้มาทำหน้าที่ หรือให้หยุดทำหน้าที่ หรือขอให้ลาออกไป
ผู้สื่อข่าวรายงาน จากนั้น สภา ทต.บวงค้าง ได้เปิดประชุมสภา ในเวลา 09.00 น.และเสร็จสิ้นในเวลา 10.15 น. ผลลงมติของ สภา ทต.บวกค้า จาก 12 คน โดยลงมติลับ ให้เสียงได้มาก คือ 3 ใน 4 เสียง ถึงจะพ้นจากสมาชิกภาพ (คือ ต้องได้ 9 เสียง ถึงจะพ้นจากสมาชิกภาพ)
ผลลงมติที่ออกมา ให้พ้นจากสมาชิกภาพ (ให้ออก) จำนวน 6 เสียง ไม่ให้พ้นจากสมาชิกภาพ (ไม่ให้ออก) จำนวน 5 เสียง และ งดออกเสียง จำนวน 1 เสียง
หลังจากเสร็จสิ้นการประชุม และลงมติดังกล่าว ทางประธานสภาเชิญผู้เสียหาย และสื่อมวลชนแถลงข่าว
นายชาติ ใจคำปัน ประธานสภา ทต.บวกค้าง กล่าวว่า ผลการลงมติดังกล่าวขึ้นอยู่กับมติของ ส.ท.แต่ละท่าน ถึงแม้ว่าศูนย์ดำรงธรรมอำเภอสันกำแพงระบุชัดว่าผิดจริยธรรมแล้ว และส่งมาให้ สภาเปิดประชุมลงมติ ให้อำนาจสภาให้ ส.ท.ลงมติแล้วผลออกมาอย่างนี้ หากจะถามว่า เสื่อมเสียชื่อเสียงของสภาหรือไม่ แน่นอนว่า เสื่อมเสียมากเพราะโด่งดังไปทั่วแล้วขณะนี้ อย่างไรก็ตามเมื่อสรุปมติประชุมตามที่ประชาชนร้องมาแล้ว ให้อำนาจสภาแล้ว หากทางผู้เสียหายติดใจอะไรอีก ก็สามารถทำตามขั้นตอนอื่นๆต่อไปได้ ประธานสภา กล่าว
ด้านนายศุภชน เข้ารับฟังการสรุปผลลงมติของสภาแล้วนั้น ได้กล่าวว่า ต่อไปจะร้องเรียนตามขั้นตอนต่อไป ต้องการร้องเรียนร้องทุกข์ถึงความเดือดร้อนของตนนี้ให้ผู้ว่าฯเซมเบ้ นิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ได้ลงมาแก้ไขปัญหาให้ครอบครัวของตนต่อไปด้วย
รายงานแจ้งว่า ทางญาติๆของผู้เสียหาย พยายามติดตามหาตัว ส.ท.ที่ถูกร้องเรียนถึงพฤติกรรมที่ทำกับครอบครัวผู้เสียหาย ให้ออกมายอมรับผิด และรับผิดชอบกับความเสียหายด้วย ได้ติดตามตามไปที่ประตูทางเข้า-ทางออก ที่มีจำนวน 3 ด้าน คือ ด้านหน้าที่จุดชูป้าย ไม่เดินทางเข้า-ออกแต่อย่างใด จะมีประตูทางทิศตะวันตก และประตูด้านข้างทิศใต้ คาดว่า ส.ท.ที่ถูกร้องเรียนดังกล่าว จะหลบออกประตูด้านข้างทั้งสองทิศดังกล่าว เพื่อหลบสื่อมวลชนและทางญาติของผู้เสียหายก็เป็นได้.