เมื่อช่วงเช้าวันที่ 23 ธันวาคม 2565 ได้มีการรับสมัครเลือกตั้ง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ และ สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ทั้ง 42 เขต ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ เป็นวันแรกซึ่งเป็นไปอย่างคึกคัก 2 บ้านใหญ่ พร้อมใจ ส่งผู้สมัครลงชิงเก้าอี้นายก อบจ.เชียงใหม่ อย่างดุเดือด
นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร อดีตนายก อบจ. เชียงใหม่ และ ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ.เชียงใหม่ จากพรรคเพื่อไทย และนายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ.เชียงใหม่ จากพรรคประชาชน ได้เดินทางมารอเพื่อลงสมัครตั้งแต่เช้า ซึ่งการเลือกตั้ง นายก อบจ. ที่จังหวัดเชียงใหม่ในครั้งนี้ ถือเป็นที่น่าจับตามองอย่างมาก เนื่องจากบ้านใหญ่ทั้งสองหลังต่างส่งผู้สมัครลงชิงตำแหน่งเก้าอี้นายก อบจ. ซึ่งคาดว่าจะขับเคี่ยวสูสีกันอย่างแน่นอน
ต่อมาในเวลา 08.30 น. นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร และนายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ได้เดินทางเข้ามาสมัครรับเลือกตั้งฯ โดยทั้งคู่ไม่สามารถตกลงลำดับกันได้ จึงต้องทำการจับสลากเบอร์พรรคเพื่อใช้ในการหาเสียง ซึ่งผลการจับสลาก นายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ได้หมายเลข 1 ส่วนนายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร ได้หมายเลข 2 หลังจากนั้นหลังเวลา 08.30 ก็ได้มี พลตรี ดร.พนม ศรีเผือด ผู้สมัครอิสระ อดีต ผอ.กอ.รมน.จังหวัดเชียงใหม่ ได้เดินทางมาลงสมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงใหม่ เพิ่มอีกหนึ่งคน เป็นผู้สมัครหมายเลข 3 ทำให้การเลือกตั้งชิงตำแหน่งนายก อบจ.เชียงใหม่ ในครั้งนี้ ล่าสุดมีผู้ลงสมัครทั้งหมด 3 คน
นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกอบจ.เชียงใหม่ หมายเลข 2 พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า แม้การเลือกตั้งครั้งนี้จะมีผู้สมัครตำแหน่งนายกอบจ.เชียงใหม่ 3 คน แต่ตนก็มั่นใจมากเพราะตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมาได้สร้างผลงานและทำงานอย่างเต็มที่ มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ให้พี่น้องประชาชนนำไปประกอบพิจารณาว่าควรจะมาเป็นนายกอบจ.เชียงใหม่สมัยที่ 2 ต่อหรือไม่
“การเลือกตั้งไม่ใช่การแข่งขัน แต่เป็นการนำเสนอผลงานว่าที่ผ่านมาทำงาน มีผลงานอย่างไร ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจะมาเป็นผู้ช่วยหาเสียงให้ผมด้วย ซึ่งการเลือกตั้งนายกอบจ.เชียงใหม่ครั้งก่อนอดีตนายกฯทักษิณอยู่ต่างประเทศก็ใช้วิธีวิดีโอคอลมาช่วยหาเสียงให้ แต่ครั้งนี้อดีตนายกฯทักษิณจะมาขึ้นเวทีพบปะพี่น้องชาวเชียงใหม่ในทุกอำเภอ เชียงใหม่เป็นเมืองหลวงของพรรคเพื่อไทย และอดีตนายกฯทักษิณก็สร้างผลงานไว้มากมายจึงทำให้ผมมั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์”นายพิชัย กล่าวและว่า
ลำพังครั้งก่อนได้คะแนน 402,179 คะแนน ในการเลือกตั้งครั้งนี้ด้วยผลงานที่ทำมาตลอด 4 ปีที่ชาวเชียงใหม่เห็นเป็นที่ประจักษ์จึงทำให้มั่นใจว่าครั้งนี้จะได้คะแนนเลือกตั้งมากแน่นอน เพราะก่อนนั้นในปี 2551-2557 ตนเป็นสมาชิกวุฒิสภา และมาลงสมัครรับเลือกตั้งได้เป็นนายกอบจ.เชียงใหม่ 4 ปีก็ลงพื้นที่ทุกอำเภอ อีกทั้งส.อบจ.เชียงใหม่ก็เข้มแข็ง มีจิตอาสาทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนต่อไป ซึ่งผลงานที่ชัดเจนเช่นการจัดสร้างสวนสาธารณะบนที่ดินการรถไฟ ซึ่งตอนที่เป็นนายกอบจ.เชียงใหม่ได้ขอให้การรถไฟยกให้อบจ.เชียงใหม่ดูแลและจะมีการพัฒนาต่อไป รวมถึงสวนสาธารณะบริเวณด้านหลังศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ก็ได้พัฒนาให้เป็นสวนอบจ.เชียงใหม่เป็นสถานที่พักผ่อน ออกกำลังกายและนันทนาการ มีการจัดงาน Charming Chiang Mai ซึ่งขณะนี้ก็ยังจัดอยู่มีคนมาเที่ยวชมสวนดอกไม้กว่า 3 ล้านคน
“การเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งนี้ผมมั่นใจในตัวเองและทีมงานที่มีผลงานเป็นรูปธรรม โดยตั้งเป้าคะแนนไว้ประมาณ 6 แสนคะแนนอยากให้เป็นประวัติศาสตร์การเลือกตั้งท้องถิ่นของอบจ.เชียงใหม่ ส่วนสาเหตุที่ลาออกก่อนครบวาระ ซึ่งค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งนั้น 9 ล้านบาทนั้น อย่างไรก็ใช้ไม่ถึงแน่นอน เพราะหากเป็นการเลือกตั้งครบวาระค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ 33 ล้านบาท แต่การใช้จ่ายต้องมีที่มา ที่ไปของการใช้เงิน ซึ่งการเลือกตั้งไม่ได้ใช้เงินเยอะถึงขนาดนั้น เพราะการเลือกตั้งครั้งก่อนผมใช้เงินแค่ 4-5 ล้านบาทเอง”นายพิชัย กล่าว.
ขณะที่ นายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ.เชียงใหม่ จากพรรคประชาชน ระบุว่า การลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้ไม่หนักใจแต่อย่างใด ซึ่งพรรคประชาชนมีแนวในการปฏิรูปอยู่ 3 ท. คือดูแลทุกคนอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม เชียงใหม่เราต้องการปฎิรูปอบจ.เพื่อทำให้เกิดโอกาสให้คนเชียงใหม่ทุกคน นโยบายหลักจำง่ายๆคืออยู่ได้ด้านเศรษฐกิจ อยู่ดีในด้านคุณภาพชีวิต อยู่เย็นก็คือมีองค์ประกอบด้านที่ดีให้กับประชาชนและก็อยู่ยั่งยืนก็คือสิ่งที่สำคัญที่สุดคือแก้ไขปัญหา PM2.5 อุทกภัย ดินถล่ม น้ำท่วมต่างๆ