วันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2568 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) จัดแถลงข่าวการอนุญาตให้ใช้สิทธิเทคโนโลยี (Licensing) ผลิตภัณฑ์สารสกัดถั่วเหลืองในรูปแบบชนิดเม็ดรับประทานและรูปแบบครีมทาภายนอก แก่บริษัท วิโนน่า อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด พร้อมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับบริษัทฯ โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมด้านสุขภาพให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงในภาคอุตสาหกรรมและสังคม ณ อาคารอำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค ภาคเหนือ (จังหวัดเชียงใหม่)
ศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์พงษ์รักษ์ ศรีบัณฑิตมงคล อธิการบดี มช. กล่าวเปิดงาน พร้อมลงนามความร่วมมือกับ นายอิทธิพล ศรีอิทยาจิต กรรมการบริษัท วิโนน่า อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยในอนาคต โดยเฉพาะในกลุ่มประชากรสตรีวัยทองและผู้สูงอายุ รวมถึงการสร้างโอกาสให้กับบุคลากรของมหาวิทยาลัย ให้สามารถพัฒนาทักษะและต่อยอดองค์ความรู้ ผ่านการทำงานร่วมกับภาคเอกชน พร้อมส่งเสริมนักศึกษาผ่านกิจกรรมสหกิจศึกษาเน้นการเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
โอกาสนี้ ศ.ดร.นพ.พงษ์รักษ์ ศรีบัณฑิตมงคล กล่าวว่า มช. ได้ให้ความสำคัญกับบทบาทการเป็นฟันเฟืองในการพัฒนาประเทศด้วยนวัตกรรม พร้อมสนับสนุนการทำงานของบุคลากรตั้งแต่งานวิจัยขั้นพื้นฐานจนกระทั่งพร้อมส่งต่อไปยังภาคเอกชน เพื่อรับไม้ต่อการใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโจทย์วิจัยที่มาจากภาคเอกชนจะยิ่งทำให้มีความชัดเจนในการเตรียมคณะผู้วิจัย และแนวทางการพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อให้การสนับสนุน อำนวยความสะดวก บริหารจัดการให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพทางด้านวิชาการ การวิจัย และบุคลากร เพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ ให้สอดคล้องกับความต้องการ เป็นแบบอย่างที่ดีของการพัฒนานวัตกรรมของมหาวิทยาลัยต่อไป
ด้าน นายอิทธิพล ศรีอิทยาจิต เผยว่า การจับมือกับ มช. ในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของบริษัทฯ ในการนำนวัตกรรมจากผลงานวิจัยของมหาวิทยาลัยสู่การใช้ประโยชน์ในภาคอุตสาหกรรมและเชิงพาณิชย์ โดยมีความเชื่อมั่นในกระบวนการวิจัยและพัฒนาจากทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นอกจากนี้บริษัท วิโนน่า อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ยังมีแผนต่อยอดผลิตภัณฑ์จากการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคในกลุ่มผู้สูงอายุ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตประชากรกลุ่มใหญ่ในอนาคตอีกด้วย
ขณะที่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธัญญานุภาพ อานันทนะ กล่าวเสริมว่า มช. มีกลไกในการขับเคลื่อนนวัตกรรมทั้งทางด้านสุขภาพและด้านอื่น ๆ อย่างครอบคลุม ตั้งแต่การสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา เพื่อส่งเสริมให้คณาจารย์สร้างสรรค์ผลงานที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาตามกฎหมาย การนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ ทั้งในรูปแบบการอนุญาตให้ใช้สิทธิ การจัดตั้งบริษัท Tech Spin-Off ผ่านกลไกบริษัท อ่างแก้วโฮลดิ้ง จำกัด การจัดสรรผลประโยชน์กลับคืนสู่ผู้วิจัยเพื่อเป็นแรงผลักดันในการสร้างสรรค์ผลงานใหม่ ๆ ตลอดจนการส่งเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์จากผลงานวิจัยของมหาวิทยาลัยเพื่อเป็นข้อมูลอ้างอิงและสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้งานทั่วไป
นอกจากการการลงนามความร่วมมือแล้ว ในงานยังมีการจัดเสวนาและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ที่น่าสนใจ โดยเริ่มจากการบรรยายพิเศษ “เบื้องหลังความสำเร็จ: เส้นทางการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมจากสารสกัดถั่วเหลือง สู่การใช้ประโยชน์” โดย รองศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์ศุภนิมิต ทีฆชุณหเถียร หัวหน้าศูนย์วิจัยทางคลินิกเพื่อทดสอบและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารและสมุนไพร (CR-FAH) และหัวหน้าภาควิชาเภสัชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งได้ถ่ายทอดประสบการณ์จากห้องแล็บสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์จริงที่สามารถต่อยอดสู่ภาคอุตสาหกรรมและนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ได้
ต่อด้วยเวทีเสวนาในหัวข้อ “มหาวิทยาลัย - เอกชน กับบทบาทการสร้างนวัตกรรมที่ใช้ได้จริง” โดยผู้ร่วมเสวนาเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจากหลายภาคส่วน อาทิ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ธัญญานุภาพ อานันทนะ รองอธิการบดีด้านนวัตกรรม, รองศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์ณัฐ คูณรังษีสมบูรณ์ จากคณะแพทยศาสตร์, ดร. พัชราภรณ์ วงษา ผู้อำนวยการโปรแกรมบริหารโภชนเภสัชภัณฑ์และเวชสำอาง ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (TCELS) และคุณนพรัตน์ สุขสราญฤดี ผู้ก่อตั้งบริษัท วิโนน่า อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งล้วนมีบทบาทสำคัญในการผลักดันงานวิจัยไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ตลาดจริง โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ทินกร ปงธิยา ผู้ช่วยผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (STeP) ทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการ
จากความร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของ มช. ในการส่งต่อนวัตกรรมเพื่อสุขภาพสู่ภาคเอกชน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศ พัฒนาเศรษฐกิจบนฐานนวัตกรรมและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุอย่างยั่งยืน