เวียงเกาะกลาง ปูนปั้นสมัยล้านนา แต่สถาปัตยกรรมเก่าถึงยุคหริภุญไชย

ข่าวศิลปวัฒนธรรม , 29 ต.ค. 2564, 14:01

เวียงเกาะกลาง ปูนปั้นสมัยล้านนา แต่สถาปัตยกรรมเก่าถึงยุคหริภุญไชย

เป็นเรื่องที่น่าแปลกมากที่ชื่อของ “เวียงเกาะกลาง” ไม่ปรากฏอยู่ในเอกสารตำนานใดๆ เลยไม่ว่าฉบับหลวงหรือฉบับพื้นบ้าน เช่นตำนานมูลศาสนา ในตอนกล่าวถึงกระบวนเสด็จของพระนางจามเทวีที่ขึ้นมาทางลำน้ำปิง ช่วงตั้งแต่หลังจากเมืองฮอด-ดอยเต่า เรื่อยมาจนถึงตอนที่พระนางจามเทวีให้คนพุ่งธนูไปปักที่กู่ละมักนั้น

สันนิษฐานว่าคงเป็นการเขียนแบบค่อนข้างรวบรัดตัดตอนใจความสำคัญไปในลักษณะก้าวกระโดด เข้าใจว่าต้นฉบับของตำนานคงมีการสูญหาย หรือเกิดความผิดพลาดคลาดเคลื่อนอะไรบางอย่าง จึงทำให้ขาดรายละเอียดของระยะทางเสด็จเลียบเวียงที่สำคัญๆ จำนวนหลายแห่ง อาทิ เวียงหนองล่อง เวียงท่ากาน เวียงมโน รวมไปถึงเวียงเกาะกลางด้วย เวียงเกาะกลางในอดีตไม่ทราบว่าชื่ออะไรในภาษามอญ-บาลี ถือว่าเป็นเวียงที่มีความสำคัญยิ่งของลำพูน เหตุที่มีเรื่องราวมุขปาฐะกล่าวว่า บริเวณแห่งนี้คือ “ดินแดนประสูติของพระนางจามเทวี” ความเป็นมาในเรื่องชาติกำเนิดนี้ยังเป็นปริศนาอยู่ว่าพระนางประสูติ ณ สถานที่ใดกันแน่ เนื่องจากตำนานหลวงหลายฉบับระบุว่าทรงเป็นพระราชธิดาของพระเจ้าจักรวรรดิ (จักกวัติ) แห่งกรุงละโว้

ในขณะเดียวกัน ตำนานพื้นเมืองที่ค้นพบในลำพูนหลายฉบับ ไม่ว่าคัมภีร์ใบลานอักษรมอญ-ภาษามอญ พบที่บ้านบ่อคาว อายุประมาณ 400ปี หรือตำนานตามวัดต่างๆ ล้วนแต่เขียนขึ้นอย่างสอดคล้องกัน ว่าพระนางจามเทวีเป็นธิดาของเศรษฐีบ้านหนองดู่ หรือท่าหนองดู่ เป็นชาวมอญ (เม็ง) ป่าซาง ต่อมาถูกพญานกคาบไปตกอยู่ในสระบัวแล้วพระฤๅษีวาสุเทพเก็บมาเลี้ยง จากนั้นให้ลอยแพไปกับกระแสน้ำเพื่อไปอยู่ในราชสำนักกรุงละโว้ฐานะพระธิดาบุญธรรม ในที่สุดได้กลับคืนสู่มาตุภูมินครหริภุญไชยอีกครั้ง ปมปริศนานี้ นำมาซึ่งการจัดประชาพิจารณ์ของหน่วยงานรัฐเพื่อรับฟังข้อคิดเห็นของชุมชนชาวมอญที่ป่าซาง ว่าเห็นด้วยหรือไม่หากกรมศิลปากรจักขอขุดค้นทางโบราณคดีที่วัดเกาะกลางเพื่อพิสูจน์หลักฐานค้นหาประวัติศาสตร์ในหน้าที่เก่าถึงยุคหริภุญไชย

นำมาซึ่งการอนุมัติงบประมาณโดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน ในยุคของ “หนานหล้า” หรือนายสมาน ชมภูเทพ ผู้ล่วงลับ โดยดิฉัน ดร.เพ็ญสุภา สุขคตะ เป็นหัวหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หริภุญไชย ผลปรากฏว่าโบราณวัตถุที่เราค้นพบทั้งหมดจำนวนมากกว่า 2,000 ชิ้นนั้น ไม่มีชิ้นใดที่เก่าไปถึงสมัยพระนางจามเทวีเลย ยกเว้นซากโบราณสถานบางแห่ง ที่พอจะมีเค้ารากเดิมว่าน่าจะมีอายุเก่าไปถึงสมัยหริภุญไชยได้

พบอะไรในเวียงเกาะกลาง

กรมศิลปากรได้ดำเนินการขุดค้นขุดแต่งโบราณสถานทั้งหมดระหว่างปี 2548-2551 จากนั้นปี 2552 เป็นขั้นตอนการบูรณปฏิสังขรณ์ และจัดสร้างพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นจนแล้วเสร็จในปี 2553 ใช้งบประมาณทั้งสิ้นราว 13 ล้านบาท พบหลักฐานสำคัญดังนี้

เจดีย์หมายท่า จุดแรกที่รถเลี้ยวเข้าสู่เวียงเกาะกลาง ด้านซ้ายมือจะพบซากเจดีย์องค์หนึ่ง ตั้งอยู่ริมถนน ชาวบ้านเรียก “เจดีย์หมายท่า” เพราะใช้เป็นเครื่องหมายเตือนให้ผู้สัญจรทางน้ำได้ทราบว่าใกล้จะถึงวัดแล้ว ให้เตรียมสัมภาระสำหรับขึ้นฝั่งได้เลย แสดงว่าถนนสายเข้าวัดเกาะกลางในอดีตเคยเป็นแม่น้ำหรือคลองมาก่อน เมื่อขุดแต่งบริเวณนี้ลึกลงไปในชั้นดินเพียงไม่เกิน 80 เซนติเมตร พบซากฐานพระวิหารอยู่ด้านหน้า กับเจดีย์ทรงกระบอกมีสายรัดคาดกลาง อยู่ด้านหลัง โดยมีฐานชุกชี 8 เหลี่ยมที่แยกส่วนเชื่อมพระเจดีย์กับพระวิหาร

พระเจดีย์ประธาน ก่ออิฐทรงปราสาทยอดระฆัง ฉัตรหักหาย บัวปากระฆังเป็นบัวฟันยักษ์ (บัวปาละ/บัวเล็บช้าง) พบร่องรอยว่าน่าจะมีการวาง “สถูปิกะ” (สถูปขนาดเล็ก) 4 ทิศรายรอบเจดีย์องค์ใหญ่ที่พื้นด้านล่าง อันเป็นต้นแบบของเจดีย์ทรงปราสาทห้ายอดของล้านนา องค์เรือนธาตุมีซุ้มจระนำ 4 ด้าน ภายในคูหาซุ้มเคยมีพระพุทธรูปประทับนั่งประดิษฐานอยู่ (ปัจจุบันเอาองค์ใหม่มาวาง) คูหาซุ้มมีความพิเศษมากกว่าเจดีย์สมัยล้านนาแห่งอื่น กล่าวคือทำเป็นห้องยื่นออกมามากชัดเจน เรียกว่า “ครรภธาตุ” มีลักษณะผสมระหว่างศิลปะแบบพุกามและขอม มองจากมุมบนพบว่าสร้างบนผังกากบาทยื่นแบบจัตุรมุข นักโบราณคดีสันนิษฐานว่า เจดีย์ประธานองค์นี้สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยหริภุญไชยแล้ว ต่อมาปฏิสังขรณ์ใหม่เห็นได้จากลวดลายปูนปั้นที่เป็นสมัยล้านนาแล้ว แต่ลวดลายเหล่านี้มีความคมชัดเจน เก่าแก่กว่าปูนปั้นของวัดหลายแห่งที่สร้างขึ้นในสมัยพระญาติโลกราช อาทิ วัดเจ็ดยอดในเชียงใหม่

ซากฐานพระวิหารหลวง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของพระเจดีย์ประธาน หันหน้าไปทิศตะวันออก พบร่องรอยของแท่งเสาศิลาแลงทรงกลมขนาดใหญ่หลายต้นตั้งเรียงราย ผังวิหารมีการย่อมุม-ย่อเก็จในส่วนที่ประดิษฐานพระประธาน เน้นการให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ จึงทำฐานชุกชีด้วยการประดับปูนปั้นบัวคว่ำบัวหงายที่ฐานปัทม์ขนาดใหญ่ เรียกว่าบัวฟันยักษ์ เช่นเดียวกับฐานปัทม์ที่ประดับปากระฆังของพระเจดีย์ประธาน เป็นลายบัวที่มีอิทธิพลของศิลปะอินเดียราชวงศ์ปาละที่ผ่านเข้ามาทางอาณาจักรพุกามสู่ยุคหริภุญไชยแล้ว จึงเป็นการยากที่จะชี้ชัดว่าพระวิหารหลวงหลังนี้สร้างขึ้นในสมัยใด ระหว่างหริภุญไชยกับล้านนา?

มณฑปโขงพระเจ้าย่อมุมไม้ 28 ตั้งอยู่ด้านทิศตะวันออกต่อเนื่องกับวิหารหลวง เครื่องบนหักพังหมดแล้ว เหลือโขงปราสาทย่อมุมไม้ 28 บนผังจัตุรัส เป็นสถาปัตยกรรมล้านนารุ่นหลัง โขงมณฑปเปิดกลวงทะลุกันสี่ด้าน ก่ออิฐเป็นกรอบซุ้มวงโค้ง (arch) คล้ายกับในพุกาม หรือที่เรียกว่าโค้งแบบโรมัน คูหาตอนกลางเคยประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญองค์หนึ่ง แต่หายไปแล้ว ใกล้กับโขงแห่งนี้พบ “พระคงดำ” 1 องค์ ฆ้องสำริดและแหวนนิล

ฐานอุโบสถ กับใบสีมาหินแบบสีมาคู่ (ปกติควรมี 8 คู่ 8 ทิศ ในที่นี้พบเพียง 5 คู่) แสดงว่าเป็นวัดหลวงหรือวัดสำคัญที่กษัตริย์อุปถัมภ์ รูปทรงใบสีมาเป็นแท่งหินธรรมชาติรุ่นเก่าไม่ได้จำหลักรูปทรงสวยงามแบบรุ่นหลัง อุโบสถหันหน้าไปทิศตะวันตก แสดงว่าครั้งหนึ่งเคยมีแม่น้ำไหลผ่านทิศตะวันตกของวัด นักโบราณคดีกำหนดอายุของโบสถ์หลังนี้จากเครื่องไม้ที่ชำรุด (เก็บในห้องคลัง) ในส่วนของช่อฟ้าใบระกาหางหงส์ ว่ามีอายุราว 500 ปีเศษ ร่วมสมัยกับยุคของพระญาสามฝั่งแกน-พระญาติโลกราช

ซากฐานพระนอน ตั้งอยู่ทิศใต้ของวัด หรือด้านหลังอาคารชั่วคราวที่ใช้เก็บรักษาโบราณวัตถุภายในวัด ชาวบ้านเล่าว่าราว 50 ปีก่อนยังเคยเห็นชิ้นส่วนขององค์พระไสยาสน์ขนาดยาวราว 7-8 วา การพบวิหารพระนอนเช่นนี้ ทำให้มีการตีความไปถึงคตินิยมการทำพระพุทธรูปสี่อิริยาบถ ตามคติพุทธลังกาวงศ์ได้หรือไม่?

มณฑปกลางสระน้ำ (เขาพระสุเมรุ) ถือเป็น “ไฮไลต์” ของหลักฐานทั้งหมด ตั้งอยู่กลางทุ่งนานอกกำแพงวัด เดิมชาวบ้านเรียกว่า “ประภาคาร” แกนกลางของสถาปัตยกรรมทำเป็นแท่งเสาขนาดใหญ่ใช้รองรับหลังคาตอนบนที่หักหาย แท่งเสานี้เต็มไปด้วยเขม่าควันสีดำน่าจะเกิดจากการลงรักสำหรับปิดทอง คล้ายเป็นเสาศักดิ์สิทธิ์ อาจเป็น “เสาหลักเมือง” หรือ “เขาพระสุเมรุ” กลางสระอโนดาต ซึ่งน่าจะสร้างมาแล้วตั้งแต่สมัยหริภุญไชย แต่ต่อมาคนยุคหลังไม่เข้าใจที่มาที่ไป จึงนำไปใช้จุดไฟกลางคืนบอกทางสัญจรแก่ชาวเรือ การใช้เสาแท่งใหญ่เช่นนี้พบได้ทั่วไปในสถาปัตยกรรมเมืองพุกาม (เจริญขึ้นร่วมสมัยกับหริภุญไชยตอนกลางถึงตอนปลาย) แต่โดยมากในพุกามนั้นมักใช้รองรับวิหารที่มีหลังคาเป็นทรงเจดีย์ เมื่อขุดลึกลงไปในดินถึง 4-5 เมตร พบว่าพื้นล่างสุด มีการก่ออิฐเรียงเป็นแนวรูปวงกลมคล้ายกับโบราณสถานยุคเก่าที่สระมรกต ปราจีนบุรี อันมีต้นกำเนิดมาจากศิลปสมัยอมราวดีที่วิหารเมืองนาคารชุณโกณฑะในอินเดียใต้ ฐานกลมใหญ่คล้ายลานประทักษิณที่เวียงเกาะกลางยังขุดพบผางประทีปขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือร่วมสองพันชิ้น มณฑปกลางน้ำนี้มีบันไดทางขึ้นหันหน้าไปทิศตะวันตก แสดงว่าในอดีตแม่น้ำเคยไหลผ่านด้านนี้ ผิวอิฐมีร่องรอยของการถูกสายน้ำกัดกร่อนนานหลายศตวรรษ ลักษณะมณฑปกลางน้ำคล้ายคลึงกับรูปทรงของ “เขาพระสุเมรุจำลอง” ที่ประดิษฐานในวัดพระธาตุหริภุญชัย คือฐานตอนล่างทรงกลม ถัดขึ้นไปเป็นชั้นของนาคซึ่งพันเกี่ยวรัดโดยรอบและตอนบนเป็นมณฑปยอดเปิดโขงสี่ด้าน

เนินบ้านเศรษฐีอินตา อยู่นอกกำแพงวัดไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือใกล้ชุมชนบ้านบ่อคาว ที่ชาวมอญเชื่อกันว่าบริเวณนี้เป็นบ้านของเศรษฐีอินตา จุดประสูติของพระนางจามเทวี เนินดังกล่าวมีเศษอิฐกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป ไม่ปรากฏหลักฐานด้านพุทธศิลป์ จึงเชื่อว่าเป็นเขตสังฆาวาสหรือที่ประทับของผู้สถาปนาวัดเกาะกลาง

ฐานหอพระมณเฑียรธรรม ตั้งอยู่ด้านหลังเนินบ้านเศรษฐีอินตาด้านทิศตะวันออก มีช่องประตูแคบๆ เชื่อมไปสู่เนินดิน พบฐานก่ออิฐหุ้มปูนทรงแปดเหลี่ยมขนาดใหญ่ มีเพียงหินกรุอัดแน่นอยู่ภายใน สันนิษฐานว่าเป็นฐานมณฑปหอพระทรง 8 เหลี่ยมพร้อมแท่นบูชา ใช้ประกอบพิธีกรรมเฉพาะสำหรับบุคคลชั้นสูง

ประติมากรรมปูนปั้นนับสองพันชิ้นในหลุมขุดค้นที่เวียงเกาะกลาง พบเศียร-เกล็ดลำตัวพญานาค มากกว่า 100 ชิ้น ชิ้นส่วนของพระโพธิสัตว์ เทวดา กินนร กินรี อสูร ยักษิณี ทวารบาล ทั้งเศียร กร บั้นองค์ นอกจากนี้ยังมีฤๅษี นักพรต สัตว์ในป่าหิมพานต์ กิเลน มกร หงส์ นกยูง ดุรงคปักษี คชสีห์ สิงหรา และลวดลายพรรณพฤกษาอีกนับอเนกอนันต์ สิ่งที่น่าสนใจก็คือปูนปั้นเหล่านี้ไม่ได้ประดับบนผนังอาคารเหมือนกับที่วัดเจดีย์เจ็ดยอด เชียงใหม่ หรือตามมุมหลืบซอกต่างๆ ขององค์เรือนธาตุเหมือนกับที่วัดป่าสัก เชียงแสน หากแต่เป็นภาพเล่าเรื่องที่ปั้นแบบนูนสูงอยู่ในกรอบ “บราลี” (รูปสามเหลี่ยมฝักเพกา) ที่ใช้ปักอยู่โดยรอบซุ้มอาคารแต่ละชั้น ในเบื้องแรกนี้ ดิฉันขอสรุปจากทรรศนะส่วนตัวว่า บทบาทของเวียงเกาะกลางอาจเริ่มต้นมีมาแล้วตั้งแต่สมัยต้นหริภุญไชย (พุทธศตวรรษที่ 13-15) ทั้งในหน้าที่เป็นจุดผ่านกระบวนเสด็จของพระนางจามเทวี หรืออาจเชื่อมโยงกับแดนประสูติของพระนางอีกด้วย (ตามมุขปาฐะ) ต่อมาคงได้มีการสร้าง “เสาหลักเมือง” หรือ “เขาพระสุเมรุ” ขึ้น ณ ที่นี้ในฐานะเป็นศูนย์กลางของเวียงสำคัญในสมัยหริภุญไชยหลายแห่ง อาทิเวียงมโน เวียงฮอด เวียงท่ากาน เวียงเถาะ เวียงรัตนา

…..เรียบเรียงโดย….ดร.เพ็ญสุภา  สุขคตะ…..

5

ข่าวอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

#โชว์รูมฮุนไดเชียงใหม่นิธิบูรณ์ Hyundai Deal SEOUL Good with The all-new SANTA FE Hybrid​...

#โชว์รูมฮุนไดเชียงใหม่นิธิบูรณ์ Hyundai Deal SEOUL Good with The all-new SANTA FE Hybrid​  Motor Expo Campaign ที่สุดแห่งดีล ฟีลเกาหลี​ เป็นเจ้าของ The all-new SANTA FE Hybrid​ รถเอสยูวีไฮบร...


  • ข่าวยานยนต์
  • |
  • 27 พ.ย. 2568, 11:30
  • |
  • 144

เอชดีเจมอเตอร์ ฮุนไดเชียงใหม่ ส่งมอบรถ Hyundai IONIQ 5 Exclusive ให้ลูกค้าคนพิเศษ พร้อมขอบ...

เอชดีเจมอเตอร์ ฮุนไดเชียงใหม่ โดยที่ปรึกษาการขาย ร่วมแสดงความยินดีพร้อมส่งมอบรถใหม่ Hyundai IONIQ 5 Exclusive สีทอง ให้กับ คุณศุภิสรา รัศมีพลังสันติ พร้อมขอขอบคุณที่ให้เกียรติมาเป็นครอบครัวฮุนได ...


  • ข่าวยานยนต์
  • |
  • 25 พ.ย. 2568, 13:27
  • |
  • 359

มอบรถ Hyundai CRETA ALPHA สีดำ

เอชดีเจมอเตอร์ ฮุนไดเชียงใหม่ โดยที่ปรึกษาการขาย ร่วมแสดงความยินดีพร้อมส่งมอบรถใหม่  ให้กับ คุณศราวุธ บัวล้อม Hyundai CRETA ALPHA สีดำ  ขอขอบคุณที่ให้เกียรติมาเป็นครอบครัวฮุนได สอบถามรายละเอ...


  • ข่าวยานยนต์
  • |
  • 22 พ.ย. 2568, 14:29
  • |
  • 198

ปลายปีนี้พบงานแสดงรถยนต์ทั้งที่เซ็นทรัลเชียงใหม่เฟสและที่แอร์พอร์ต

งานแรก 18-24 พฤศจิกายน 2568 งานนี้จัดโดย MG ไทยแลนด์งาน MG City DRIVEมีรถยนต์ MG มาให้แฟนๆ ได้ทดลองขับครบทุกรุ่นใครอยากได้รุ่นไหนก็แจ้งทีมงานขอทดลองขับได้เลยงานนี้สำนักงานใหญ่มาเองเพื่อยอดขายให้ได้สูง...


  • ข่าวยานยนต์
  • |
  • 20 พ.ย. 2568, 19:05
  • |
  • 370

มิตซูแสงชัยจัดหนัก งาน Exclusive Test Drive "XForce Garden" มหาสุขฟาร์ม Mahasuk Farm

พิเศษเฉพาะงาน Exclusive Test Drive "XForce Garden"• จองในงานทุกรุ่น รับทันที กระเป๋า Gym bag ของแท้ จากแบรนด์ Mitsubishi• รับข้อเสนอพิเศษแคมเปญเดียวกับ Motor Expo 2025แล้วพบกันได้ที่งาน Exclusive Test...


  • ข่าวยานยนต์
  • |
  • 18 พ.ย. 2568, 19:36
  • |
  • 178

HyundHyundai Deal SEOUL Good with The all-new SANTA FE Hybrid ​ Motor Expo Campaign ที่สุด...

HyundHyundai Deal SEOUL Good with The all-new SANTA FE Hybrid ​Motor Expo Campaign ที่สุดแห่งดีล ฟีลเกาหลีOpen for More Utility อีกขั้นของความสะดวกสบายไปกับ The all-new SANTA FE Hybrid พร้อมที่วางขวดน...


  • ข่าวยานยนต์
  • |
  • 15 พ.ย. 2568, 12:16
  • |
  • 453
Sytiq Company

ออกแบบพัฒนาโปรแกรมและแอพลิเคชั่น

โดยบริษัทไซทิค ติดต่อ:0819507128

Sytiq Company

ออกแบบและติดตั้ง Home Automation

โดยบริษัทไซทิค ติดต่อ:0819507128