พระเจดีย์ทรงบาตร 5 ชั้น ที่วัดกู่เต้า (เวฬุวนาราม)

ข่าวศิลปวัฒนธรรม , 24 ม.ค. 2565, 03:32

พระเจดีย์ทรงบาตร 5 ชั้น ที่วัดกู่เต้า (เวฬุวนาราม)

วัดกู่เต้ามีเจดีย์ทรงแปลกมากเป็นพิเศษ ถือเป็นหนึ่งเดียวในล้านนา หรือหนึ่งเดียวในสยามด้วยซ้ำ ซึ่งยังไม่มีหลักฐานระบุชัดว่า เจดีย์รูปแบบเช่นนี้ ได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะจีนหรือไม่ 

          วัดกู่เต้าตั้งอยู่เลขที่ 60 ถนนกู่เต้า ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จากตัวเมืองจังหวัดเชียงใหม่ ระยะทางประมาณ 3.3 กิโลเมตร ตั้งอยู่ใกล้กับสนามกีฬาเทศบาลนครเชียงใหม่  ด้านรอบนอกคูเมืองฝั่งประตูช้างเผือก ทางไปมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่

          คำว่า “เวฬุวัน” หมายถึงป่าไผ่ ในอดีตตั้งแต่ พ.ศ. 2500 ขึ้นไป วัดเคยตั้งอยู่ในป่าไผ่จริงๆ นอกจากนี้ยังมีชื่อพื้นเมืองดั้งเดิมอีกชื่อหนึ่งว่า “วัดป่าหก” เป็นการเรียกตามตำนานพระเจ้าเลียบโลก 

          สำหรับชื่อ “กู่เต้า” นั้นเป็นภาษาไทยวน “กู่” แปลว่าที่บรรจุอัฐิ หรือเถ้าถ่านที่เผาศพ คำว่า “เต้า” แปลว่าผลแตงโม รวมความว่าเป็นที่บรรจุอัฐิที่สร้างด้วยรูปทรงกลมซ้อนชั้นคล้ายกับผลแตงโม แต่ศัพท์ทางโบราณคดี กรมศิลปากรเรียกว่าเป็นเจดีย์ทรง “บาตร 5 ชั้น”

          เกี่ยวกับความเป็นมาของเจดีย์วัดกู่เต้านี้ มีเรื่องเล่ากันหลายกระแส

          กระแสแรก กรมศิลปากรได้มาจากการสัมภาษณ์คนเฒ่าคนแก่ ขณะที่สำรวจพระเจดีย์เพื่อทำการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานเมื่อ พ.ศ. 2523 คนสูงอายุเล่าว่า ครั้งหนึ่งเมื่อพม่ายกทัพมาตีนครเชียงใหม่เข้าหักเอาเมืองไม่ได้ จึงท้าพนันสร้างเจดีย์แข่งกัน ฝ่ายไหนทำเสร็จก่อนเป็นผู้ชนะ ทางพม่าสร้างเจดีย์กู่เต้า ทางเชียงใหม่สร้างพระเจดีย์ใหญ่กลางใจเมือง แต่เชียงใหม่สร้างได้เพียงแค่ฐาน ทางพม่าสร้างเสร็จกว่าครึ่งองค์แล้ว ฝ่ายเชียงใหม่จึงใช้อุบายสานเสื่อลำแพนหลายผืนทาสีดินแดงคล้ายอิฐใช้ไม้ไผ่ลำยาวเอาโคนฝังดินทำเป็นรูปเจดีย์ แล้วเอาเสื่อล้อมติดโครงไม้ไผ่จนถึงยอด มองไกลๆ คล้ายเจดีย์ใหญ่เพื่อให้พม่าเห็นเข้านึกว่าตนแพ้จะได้เลิกทัพกลับไป เรื่องที่กล่าวมานี้เป็นเพียงตำนานบอกเล่าสืบต่อกันมา ไม่สามารถระบุตัวบุคคลและศักราชได้

          อีกกระแสหนึ่ง โดย อาจารย์ชุ่ม ณ บางช้าง ปราชญ์ใหญ่รุ่นก่อนเล่าว่าเจดีย์ที่เห็นเป็นรูปทรงกลมนี้เป็นที่บรรจุอัฐิเจ้านายองค์หนึ่งของราชวงศ์พม่า อาจเป็นอัฐิของเจ้าฟ้าสารวดี ซึ่งมีหลายชื่อบ้างเรียกพระเจ้ามังทรา บ้างเรียกอโนรธาเมงสอ (มังช่อ) ราชโอรสของพระเจ้าบุเรงนอง ซึ่งส่งมาครองเมืองเชียงใหม่ในระหว่าง พ.ศ. 2121-2156 

          อย่างไรก็ดี นักวิชาการเห็นว่าพระเจดีย์กู่เต้าน่าจะบรรจุพระบรมสารีริกธาตุในส่วนเกศาธาตุมากกว่า โดยสร้างมาแล้วตั้งแต่สมัยพระเจ้าติโลกราช และยังเป็นหนึ่งในแปดวัดที่พระองค์ทรงเลื่อมใส เสด็จพระราชดำเนินมาอยู่เนืองๆ 

          ชื่อของวัดเวฬุวนาราม ได้ปรากฏในตำนานพระเจ้าเลียบโลก กัณฑ์ที่ 5 ดังนี้

          “สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ทรงประทับนั่งที่โคนไม้หกกอหนึ่ง แล้วพยากรณ์ว่า ต่อไปภายหน้า สถานที่นี้จะได้ชื่อว่า “ป่าเวฬุวนาราม” แล้วพระอรหันต์และพระเจ้าอโศกราช ก็ทูลขอพระเกศาธาตุหนึ่งองค์ บรรจุไว้ในที่นั้นปรากฏชื่อว่า “เวฬุวันวัดป่าหก” บัดนี้แล”

          อาจเป็นไปได้ว่าต่อมาในสมัยพระเจ้ามังทราอาจมีความเลื่อมใสศรัทธา จึงได้ทำการบูรณะ ทำให้เกิดความสับสนด้านข้อมูล

          พระเจดีย์มีรูปแบบแปลกคล้ายเจดีย์ปล่อง รูปร่างเป็นทรงบาตรคว่ำ หรือผลน้ำเต้าซ้อน ลดหลั่นจากใหญ่ไปหาเล็ก 5 ชั้น แต่ละชั้นมีซุ้มจระนำ (ซุ้มพระพุทธรูป) 4 ด้าน ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางต่างๆ คล้ายศิลปะแบบมัณฑะเลย์ องค์เจดีย์แต่ละชั้นทำด้วยปูนปั้นเคลือบเซรามิกประดับกระจกจืนสีเงินสีทอง เป็นลายดอกไม้เล็กๆ ซึ่งเป็นการบูรณะใหม่ในสมัยพระเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ ลำดับที่ 7

          ในขณะที่ยอดฉัตรของพระเจดีย์เคยหักโค่นด้วยวาตภัยเมื่อ พ.ศ. 2489 ทำให้มีการต่อเติมจนสูงขึ้นกว่าเก่าใน พ.ศ. 2490 ได้รับการบูรณะ พ.ศ. 2523 โดยกรมศิลปากร กระทั่ง พ.ศ. 2554 มีการเปลี่ยนปลียอด (ลำปลี) อีกครั้ง

          ลักษณะของเจดีย์รูปบาตรนั้น ภาษาเหนือเรียกบาตรว่า “โอ” หรือ “ขันโอ” เป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ และการทำบาตรซ้อน 5 ชั้น หมายถึงพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ในภัทรกัป ตามความเชื่อของชาวล้านนา กอปรด้วย พระกกุสันโธ พระโกนาคมน์ พระมหากัสสปะ พระโคตมะ และพระศรีอาริยเมตไตรย ซึ่งองค์สุดท้ายนี้จะมาตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต่อไปในกาลข้างหน้า

          ภายในวัดมีพระอุโบสถที่ตกแต่งทางขึ้นด้วยบันไดนาค สร้างโดยนายกิม- นางเง็ก นิ่มเซ่งเฮ็ง เมื่อ พ.ศ. 2470 ต่อมานางกิมไล และนางบัวตองมาสร้างหน้าจั่วถวาย พ.ศ. 2471 เป็นปีเดียวกับพระพรหมเสน พฺรหฺมเสโน เป็นเจ้าอาวาส 

          ส่วนสิงห์ 2 ตัวที่อยู่ตรงหน้าวิหาร สร้างเมื่อ พ.ศ. 2510

          วัดกู่เต้าได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน เมื่อ พ.ศ. 2478 และได้ประกาศกำหนดขอบเขตวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. 2522

          วัดกู่เต้ามี “งานประเพณีบวชลูกแก้ว” หรือ “ปอยส่างลอง” จัดขึ้นเป็นประจำระหว่างวันที่ 23-25 มีนาคมของทุกปี เนื่องจากชุมชนแห่งนี้สมัยก่อนเมื่อ 50 กว่าปีเป็นถิ่นอาศัยของชาวไทใหญ่

 

          วัดนี้ก็เป็นหนึ่งในผลงานการบูรณปฏิสังขรณ์ของครูบาเจ้าศรีวิชัย ผู้นิมนต์ครูบาเจ้าศรีวิชัยมาบูรณะวัดกู่เต้า คือ “พระดวงคำ” หรือที่นิยมเรียกกันว่า “พระดำหลู่” ขณะนั้นเป็นเจ้าอาวาส ได้ไปอาราธนาครูบาเจ้าศรีวิชัยมาสร้างพระวิหาร

          สิ่งก่อสร้างหรือร่องรอยของครูบาเจ้าศรีวิชัยในวัดกู่เต้ามีดังนี้

          1. การบูรณะฐานพระเจดีย์เมื่อ พ.ศ. 2474

          2. การสร้างพระวิหารหลวงเมื่อ พ.ศ. 2475

          ในส่วนของการบูรณะฐานพระเจดีย์ หรือที่ภาษาเหนือเรียกว่า “ตีนธาตุ” นั้น วิทยานิพนธ์ของ โสภา ชานะมูล เรื่อง “ครูบาศรีวิชัย ตนบุญแห่งล้านนา” ระบุว่า ครูบาเจ้าศรีวิชัยหมดเงินค่าซ่อมแซมธาตุกู่เต้า รวมทั้งค่าทำทานสมโภชฉลองพระธาตุจำนวนทั้งสิ้น 909 รูเปีย 43 สตางค์ แต่ไม่ได้ระบุศักราช

          โดยที่ท่านไม่ได้ไปแตะต้องเปลี่ยนแปลงแก้ไขเจดีย์ของเดิมที่เป็นทรงน้ำเต้าแต่อย่างใดเลย ทำการบูรณะแค่ตีนธาตุ หรือตีนธรณี ณ ลานประทักษิณชั้นในเท่านั้น โดยปั้นเสือหมอบ 2 ตัวและเสือนั่งชันขาหน้าอีก 2 ตัว รวม 4 ตัวไว้ตามมุมฐานสี่เหลี่ยม ให้ทำหน้าที่เป็นสัตว์คอยเฝ้าพิทักษ์ศาสนสถาน ปัจจุบันเหลือเสือผลงานของครูบาเจ้าศรีวิชัยเพียง 3 ตัว ตัวหนึ่งชำรุดไป “เสี่ยมี” ซึ่งเป็นศรัทธาวัดจึงได้บริจาคทรัพย์จ้างช่างท้องถิ่นปั้นขึ้นมาใหม่

          นอกจากนี้ บริเวณใกล้กันกับรูปเสือ ยังได้สร้าง “ธาตุน้อย” หรือ “สถูปิกะ” (เจดีย์จำลองขนาดเล็ก) ไว้ที่มุมทั้ง 4 บนตีนธาตุอีกด้วย จนทำให้เมื่อมองโดยรวมจากมุมบนจะเห็นเป็น 5 ยอด ลักษณะของเจดีย์ทรง 5 ยอดนี้ คติโบราณมีความหมายถึงเขาพระสุเมรุซึ่งมี 5 ยอด แต่ในนัยของครูบาเจ้าศรีวิชัยนั้น อาจแทนสัญลักษณ์ของพระเจ้าทั้ง 5 หรือพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ในภัทรกัปก็เป็นได้

          ในส่วนของพระวิหาร ครูบาเจ้าศรีวิชัยได้สร้างขึ้นมาใหม่ หลังจากที่บูรณะตีนธาตุเสร็จได้ 3 เดือน จากภาพถ่ายเก่า พบว่ามีลักษณะคล้ายกับวัดดับภัยและวัดศรีโสดา แต่ได้รื้อไปแล้วและสร้างหลังใหม่ขึ้นมาแทน พระประธานในพระวิหารเป็นการจำลอง “พระเจ้าระแข่ง” พระพุทธรูปที่ชาวพม่า-ไทใหญ่นิยมเคารพกันมาก 

พบหลักฐานจากเอกสารที่ครูบาเจ้าศรีวิชัยทำหนังสือถวายพระราชกุศลมายัง พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา ประธานคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ กรุงเทพฯ ระบุว่า “สร้างวิหารวัดกู่เต้า อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เสร็จเมื่อ พ.ศ. 2478 ใช้เงินทั้งสิ้นจำนวน 2073 รูเปีย 78 สตางค์” 

          ทางวัดระบุว่าครูบาเจ้าศรีวิชัยใช้เงินเป็นค่าก่อสร้างและบูรณะเสนาสนะในวัดรวมทั้งสิ้น ประมาณ 4,500 แถบ คือรูเปีย (หมายถึงรวมหมดทุกรายการ)

          ในวัดกู่เต้ายังมี “แท่นสังฆ์” 2 แท่น ปัจจุบันเหลืออยู่ 1 แท่น “พ่อเฮือน หมากมู้” เป็นผู้สร้างเมื่อ พ.ศ. 2475 ถวายแด่ครูบาเจ้าศรีวิชัย แท่นสังฆ์ ยาวประมาณ 3 เมตรเศษ มีการซ่อมดามไม้ที่ผุพังไปบางส่วน แต่ไม่ได้ทาสีใหม่

          จากคำบอกเล่าของทางวัดกู่เต้า ทำให้ทราบว่าครูบาขาวปีร่วมเดินทางมาบูรณะวัดแห่งนี้ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการจดจำชื่อของสล่าคนหนึ่งนาม “พ่อหนานตู” ถือว่าเป็นช่างสำคัญประจำทีมครูบาเจ้าศรีวิชัย

          การแต่งกายของพระสงฆ์ ยังเหลือร่องรอยการห่มจีวรสีกรักดำตามอย่างครูบาเจ้าศรีวิชัย เช่นเดียวกับที่วัดพระบาทตากผ้า อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน

 

1

ข่าวอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

ส่งมอบรถใหม่ Hyundai Creta Smart สีบรอนเงิน เป็นรถยนต์น่าใช้สำหรับครอบครัว

ที่ปรึกษาการขาย เอชดีเจมอเตอร์ ฮุนไดเชียงใหม่ เซลส์มุ้ย ร่วมแสดงความยินดีพร้อมส่งมอบรถใหม่ให้แก่ คุณมาลี ชัยอุปละHyundai Creta Smart สีบรอนเงิน ขอขอบคุณที่ให้เกียรติมาเป็นครอบครัวฮุนได สอบถามรายละเอีย...


  • ข่าวยานยนต์
  • |
  • 13 เม.ย. 2567, 07:30
  • |
  • 65

ส่งมอบรถใหม่ Hyundai H-1 Elite FE สีขาว รถยนต์น่าใช้สำหรับครอบครัว

ที่ปรึกษาการขาย เอชดีเจมอเตอร์ ฮุนไดเชียงใหม่ เซลส์แนน ร่วมแสดงความยินดีพร้อมส่งมอบรถใหม่ให้แก่ บจก.เอส ดี เมดิคอล เซอร์วิสเซส Hyundai H-1 Elite FE สีขาว ขอขอบคุณที่ให้เกียรติมาเป็นครอบครัวฮุนได สอบถา...


  • ข่าวยานยนต์
  • |
  • 7 เม.ย. 2567, 14:11
  • |
  • 59

ส่งมอบรถใหม่ Hyundai STARGAZER X สีขาว รถยนต์น่าใช้สำหรับครอบครัว

ที่ปรึกษาการขาย เอชดีเจมอเตอร์ ฮุนไดเชียงใหม่ เซลส์มุ้ย ร่วมแสดงความยินดีพร้อมส่งมอบรถใหม่ให้แก่ คุณภิญญดา มาศรีHyundai STARGAZER X สีขาว ขอขอบคุณที่ให้เกียรติมาเป็นครอบครัวฮุนได สอบถามรายละเอียดของรถ...


  • ข่าวยานยนต์
  • |
  • 7 เม.ย. 2567, 14:00
  • |
  • 67

โค้งสุดท้ายแล้วงาน MOTOR Sale โปรปัง "รับซัมเมอร์"3-9 เมษา 67 ลานโปรโมชั่น ชั้น G เซ็นทรัล...

เป็นการตัดสินใจของท่านเองล้วนๆในการเลือกซื้อรถยนต์ งานแสดงรถยนต์ สำหรับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์เอาไปใช้สักคัน พลาดไม่ได้ต้องไปที่งาน มอเตอร์เซลส์ โปรปังรับซัมเมอร์ ระหว่างวันที่ 3-9 เมษายน 67 เรามาพบกัน...


  • ข่าวยานยนต์
  • |
  • 6 เม.ย. 2567, 10:24
  • |
  • 88

เริ่มแล้ววันนี้งาน MOTOR Sale โปรปัง "รับซัมเมอร์"3-9 เมษา 67 ลานโปรโมชั่น ชั้น G เซ็นทรัล...

เริ่มแล้ววันนี้ งานแสดงรถยนต์ สำหรับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์เอาไปใช้สักคัน พลาดไม่ได้ต้องไปที่งาน มอเตอร์เซลส์ โปรปังรับซัมเมอร์ ระหว่างวันที่ 3-9 เมษายน 67 เรามาพบกันที่ ลานโปรโมชั่น ชั้น จี เซ็นทรัล เ...


  • ข่าวยานยนต์
  • |
  • 3 เม.ย. 2567, 14:42
  • |
  • 162

CHANGAN Sangchai เปิดจองแล้ว LUMIN Lรถไฟฟ้ามินิมอลน่าใช้ทดลองขับได้เลยวันนี้

พลาดไม่ได้สำหรับคนอยากมีรถยนต์ไฟฟ้าไปใช้ จะเอาไปทำงาน ไปส่งลูกไปโรงเรียนหรือจะเอาให้ลูกหลาน นิสิต นักศึกษาขับไปโรงเรียน มหาวิทยาลัย ที่มีระยะทาง ไป/กลับ ไม่ถึง 200 กิโล ก็สบายมาก เพราะ ฉาง อาน ลูมิน ช...


  • ข่าวยานยนต์
  • |
  • 2 เม.ย. 2567, 13:22
  • |
  • 117
Sytiq Company

ออกแบบพัฒนาโปรแกรมและแอพลิเคชั่น

โดยบริษัทไซทิค ติดต่อ:0819507128

Sytiq Company

ออกแบบและติดตั้ง Home Automation

โดยบริษัทไซทิค ติดต่อ:0819507128