“นาคทัณฑ์-นาคทันต์” คันทวยล้านนา

ข่าวศิลปวัฒนธรรม , 3 เม.ย. 2565, 22:20

“นาคทัณฑ์-นาคทันต์” คันทวยล้านนา

ในวัฒนธรรมล้านนามีองค์ประกอบสถาปัตยกรรมประเภทหนึ่งที่ใช้รองรับน้ำหนักเครื่องบนของหลังคา ศัพท์ที่ใช้เรียกองค์ประกอบสถาปัตยกรรมนี้เป็นคำที่ทำหน้าที่ตรงกับคำว่า “คันทวย” ในศัพท์ช่างของทางภาคกลาง 

            ทางล้านนาเรียกศัพท์คำนั้นว่า “นาคตัน” บ้างเขียน “นาคะตัน” (ออกเสียง “นาก-ขะ-ตัน”) ลำพังหากหยุดแค่ภาษาพูดก็ไม่ต้องมานั่งวิเคราะห์ ทว่าเวลาถ่ายทอดเป็นภาษาเขียน เกิดความสับสนในเสียงที่อ่านว่า “ตัน” นั้นต้องเขียนด้วย “ทัน” ตัวไหน คือถ้าเขียน “ตัน” ตรงตัวปล่อยทิ้งไว้แบบนั้น ผู้รู้ด้านภาษาล้านนาจะอ่านเป็น “ตั๋น” ฉะนั้นหากต้องการให้อ่านเป็นตัน ก็ต้องเขียนให้เป็นตัว ท.ทหาร

            แล้วจะให้เขียนอย่างไรเล่า “นาคทัณฑ์” หรือ “นาคทันต์” ? อันความสับสนในด้านการเขียนนี้ ย่อมหนุนเนื่องมาจากความสับสนเรื่องการตีความรากศัพท์นั่นเอง 

นิยามแห่ง “คันทวย”

            ก่อนจะวิเคราะห์ถึงคำว่า “นาคทันต์-นาคทัณฑ์” ควรรู้จักกับคำว่า “คันทวย” ที่มีความหมายเดียวกันก่อน พจนานุกรมศัพท์ช่างศิลปกรรมอธิบายว่า “คันทวย” เป็นองค์ประกอบสถาปัตยกรรมประเภท “ไม้ค้ำยัน” ตามแนวเฉียงระหว่าง “เสา” กับ “ปลายเต้า” ด้านสุดชายคาของอาคารทางศาสนาหรือพระราชวัง เพื่อใช้ยันไม่ให้ปลายเต้าอ่อนตัวลงมา องค์ประกอบของคันทวย แบ่งออกเป็นสามส่วน 

            ส่วนแรก คือส่วนหัวบนสุดที่รองรับ "เต้า" - หมายถึงส่วนโครงสร้างชายคายื่นออกมาจากผนัง จะต่อตรงมาจากขื่อภายในหรือเป็นตัวไม้ของชายคาปีกนกที่วางในทางราบ ฝากปลายไว้กับผนังและมีค้ำยันหรือทวยรองรับอีกด้านหนึ่งก็ได้ 

            ส่วนที่สอง คือส่วนกลาง เป็นส่วนไม้โค้งยาวทอดเลื้อยลงมา มักใส่ลายประจำยามเป็นสัญลักษณ์ ส่วนนี้เป็นลำตัวพญานาคที่ต่อเชื่อมมาจากส่วนหัวและตอนปลายเว้าเข้า

            ส่วนที่สาม คือส่วนท้ายหรือส่วนล่าง เป็นตัวที่ติดกับผนังหรือเสา มักสลักเป็นเศียรนาคหรือบางแห่งอาจสลักเป็นเทพนมแต่พบไม่บ่อยเท่านาค  

            ที่มาของคำว่า “คันทวย” นักปราชญ์สันนิษฐานว่า การที่คันทวยติดตั้งไว้ตอนบนของเสาให้เอนขึ้นไปรับน้ำหนักชายคา (เต้า) ทำให้องค์ประกอบสถาปัตยกรรมชิ้นนี้มีความยาว คล้ายกับ "คันถือของกระบวยตักน้ำ” ซึ่งแนวทางนี้เชื่อว่าเกิดจากการเรียกว่า “คันบวย” ต่อมาเรียกตัดคำและเสียงให้เคลื่อนคล้อย จาก "คันบวย" กลายมาเป็น "คันทวย" หรือเรียก "ทวย" ในที่สุด

            อีกทฤษฎีหนึ่ง สันนิษฐานว่าน่าจะมีรากศัพท์มาจากคำว่า "ระทวย" ที่แปลว่า แอ่น งอน อนึ่ง มีการนำคำว่า “ระทวย” หรือ “ระรวย” ที่แปลว่าอ่อนโค้งไปใช้กับอีกคำศัพท์หนึ่งขององค์ประกอบสถาปัตยกรรม นั่นคือคำว่า “รวยระกา” หมายถึงส่วนที่เป็น “นาคลำยอง” ของกรอบหน้าบัน

            ยังมีอีกคำศัพท์หนึ่งที่ใช้เรียกแทน “คันทวย” ได้ คือคำว่า "ท้าวแขน" ในสถาปัตยกรรมของประเทศลาวและทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือก็เรียกคันทวยว่า “แขนนาง” เช่นกัน นามทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นภาพของนางรำแขนอ่อนอ้อนแอ้นระทดระทวยอย่างชัดเจน

รูปลักษณ์คันทวยในล้านนา

            แผ่นไม้ที่ทำเป็น “คันทวย” ของอุโบสถวิหารในวัฒนธรรมล้านนา ไม่ได้มีรูปร่างบางโปร่ง เหมือนท่อนแขนนางรำที่่อ่อนระทวยนวยนาดยื่นขึ้นรับชายคาเหมือนกับวัฒนธรรมของสยาม หากแต่ทำเป็นรูปนาคขดงอในแผ่นไม้ที่มีรูปทรง “สามเหลี่ยม” เป็นแผ่นทึบตันไม่เน้นการฉลุลายโปร่งให้ทะลุหลัง ทำให้มีศัพท์แบบบ้านๆ ที่ใช้เรียกคันทวยล้านนาอีกสองคำ นั่นคือ  "หูช้าง" กับ “หย่างค้ำ” เมื่อคนภาคกลางทราบว่าคนล้านนาเรียกคันทวยว่า “หูช้าง” ก็เติมคำว่าทวยนำหน้าไปอีกคำ เพื่อความเข้าใจของตน กลายเป็น “ทวยหูช้าง” ส่วน “หย่างค้ำ” (อ่านหย่างก๊ำ) คำว่า “หย่าง” ก็คือ “แหย่ง/หยั่ง” หมายถึงขาแท่น/บัลลังก์ ทำหน้าที่ช่วยค้ำยันผนังอาคารกับหลังคาไว้ไม่ให้แยกออกจากกัน ชาวล้านนาใช้คำว่า “หย่างค้ำ” สำหรับสิ่งก่อสร้างที่ใช้วัสดุไม่คงทน เช่น เรือนไม้ ศาลา กุฏิ โดยแยกประเภทของอาคารออกจากกลุ่มของพระวิหารพระอุโบสถ ที่ต้องใช้คำว่า “หูช้าง” และหากมีการตกแต่งอย่างงดงามก็จะเรียกว่า  “นาคทัณฑ์-นาคทันต์” 

 “นาคทัณฑ์” นาคถูกใครลงทัณฑ์?

            การที่นักวิชาการด้านโบราณคดีเลือกใช้คำว่า “นาคทัณฑ์” นั้น สืบเนื่องมาจากแผ่นค้ำยันในล้านนามักทำเป็นรูป “นาคตัวบิดงอแยกเขี้ยว ทำท่าคล้ายว่าเจ็บปวดจากการถูกลงทัณฑ์” บางแผ่นก็เป็นรูป “นาคหลายตัวเกี่ยวกระหวัดรัดเหวี่ยงไปมา เหมือนกับกำลังดิ้นรนอยู่ในบ่วงบาป” 

            ผู้รู้ของกรมศิลปากรอธิบายว่า การลงทัณฑ์นาค เป็นฉากที่คัดย่อมาจากตำนานของฮินดูตอนทำพิธี "กวนเกษียรสมุทร" เพื่อให้ได้น้ำอมฤตทิพย์มาดื่มกินสร้างความเป็นอมตะแก่ปวงเทวา โดยต้องให้พญานาควาสุกรี (มี 5 เศียร) ใช้ลำตัวมาเป็นเสมือนเชือก รัดพันรอบภูเขามันทระ (เขาพระสุเมรุ) แล้วทั้งเทวดาและอสูรต่างช่วยกันยุดนาคคนละฟาก ช่วงขณะหนึ่งของการทำพิธี ภูเขามันทระเกิดเอียงทรุดตัว ร้อนถึงพระนารายณ์ต้องแปลงกายเป็นเต่าแหวกว่ายลงไปในมหาสมุทรเพื่อหนุนเขามันทระให้ตั้งตรงเหมือนเดิม ระหว่างนี้ส่งผลให้น้ำทะเลปั่นป่วน บางตำนานว่านาคได้คายน้ำพิษออกมา ซึ่งน้ำพิษนี้หากปล่อยให้แพร่กระจายออกไปจะเกิดอันตรายแก่โลก 

            พระวิษณุต้องอวตารเป็นพระกฤษณะเพื่อปิดช่องภูเขาที่รั่ว และกลืนกินน้ำพิษที่เกิดขึ้น ทำพระศอพระกฤษณะเป็นสีดำ หลังจากนั้นจึงมีการลงทัณฑ์นาคที่พยายามคายพิษ จากจุด “ไคลแมกซ์” แห่งการคายพิษของนาคนี่เอง  ทำให้ถูกลงทัณฑ์ต้องไปทำหน้าที่แบกรับเขาพระสุเมรุ เป็นที่มาของทำรูปนาคตัวบิดงอขดหางรองรับหลังคาศาสนสถาน เช่นเดียวกับนาคทัณฑ์บางแผ่นทำเป็นนาคหลายเศียรเกี่ยวกระหวัดไปมา ก็คือภาพจำลองของนาควาสุกรีที่ถูกอสูรกับเทพยื้อยุดจนเกิดอาการพัลวันพัลเก

            หรือหากไม่เกี่ยวข้องใดๆ เลยกับเรื่องการกวนเกษียรสมุทร โดยปรกตินาคก็เป็นหนึ่งในสัตว์ที่อยู่เชิงผาหิมพานต์ก็ย่อมมีหน้าที่แบกรับเขาพระสุเมรุเช่นเดียวกับสัตว์อื่นๆ อยู่แล้ว ดังเช่นศิลปกรรมที่มีการทำรูปครุฑแบก ยักษ์แบก สิงห์แบก ส่วนนาคแบกนั้นไม่ได้เอาไว้ที่ช่องเชิงฐานสถูปหรือฐานวิหารเหมือนสัตว์อื่นๆ กลับถูกกระจายหน้าที่โยกย้ายที่ทางให้ขึ้นไปรองรับชั้นหลังคา แต่ทั้งหมดก็คือเรื่องราวเดียวกัน นั่นคือการให้สัตว์พื้นเมืองทำหน้าที่แบกรับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่ต่างไปจากเทพปกรณัมของกรีกที่มี Atlas ทำหน้าที่แบกโลก อันเป็นที่มาของการเชื่อว่าน่าจะเขียนว่า “นาคทัณฑ์”

“นาคทันต์” คืองาช้าง ข้อบัญญัติจากพระวินัยปิฎก?

            ฝ่ายที่ยืนยันว่า “นาคะตัน” ต้องเขียนด้วย “ทันต์” ที่แปลว่าฟัน เขี้ยว หรืองา นั้นส่วนใหญ่จะเป็นปราชญ์ด้านศาสนาและนักภาษาวรรณกรรมชาวล้านนา โดยอธิบายคำว่า “นาคทันต์” เมื่ออ่านเป็นภาษาเมืองจะออกเสียงว่า “นาก-ขะ-ตัน” ในขณะที่ “นาคทัณฑ์” จะออกเสียงเป็น “นาก-ขะ-ตัน-ด๊ะ” คือตัว ฑ.มณโฑ แม้ใส่การันต์ ก็ยังต้องออกเสียงตัว ด๊ะ เบาๆ เพื่อแยกความแตกต่างให้รู้ว่าคำนี้มาจาก “ทัณฑ์” ไม่ใช่ “ทันต์”

            นอกจากเสียงอ่านที่แตกต่างกันแล้ว ผู้เชี่ยวชาญด้านพระไตรปิฎกในล้านนายังอธิบายว่า รากศัพท์ดั้งเดิมของ “นาคทันต์” มาจากคำว่า “มกรทันต” (มะ-กะ-ระ-ทัน-ตะ) หรือ มกรทันต์ เป็นภาษาบาลี มาจากคำสองคำคือ มกร + ทันต์

            มกรเป็นสัตว์ผสมระหว่างสัตว์น้ำ สัตว์บก และสัตว์ปีก คือลำตัวคล้ายจระเข้เหรา มีงวงมีงาเหมือนช้าง และมีปีกบินได้เหมือนหงส์ ชาวอินเดียนิยมนำ “มกร” มาใช้ตกแต่งลวดลายในงานศิลปกรรม จนสืบทอดมาสู่วัฒนธรรมอุษาคเนย์ในช่วงก่อนพุทธศตวรรษที่ 19 

            หลังจากนั้นเมื่อคนไทเผ่าต่างๆ ขึ้นมามีอำนาจแทนขอมมอญ ความนิยมในการทำ “มกร” ค่อยๆ ลดน้อยลงจนหายไป ชาวสยามทั้งสุโขทัย อยุธยา ล้านนา ต่างหันมาใช้ “นาค” (ไม่ใช่นาคแบบขอมหรือทวารวดีโบราณ แต่เป็นนาคที่มีส่วนผสมของตัว “ลวง” หรือ “เล้ง” จากจีน-สิบสองปันนา ซึ่งประยุกต์บางส่วนมาจากมกรด้วยเช่นกัน) แทน ทำให้เกิดการเปลี่ยนคำเรียกจาก “มกรทันต์” กลายมาเป็น “นาคทันต์” 

            “มกรทันต์” - “นาคทันต์” คืออะไร หากแปลตรงตัวก็หมายถึง ฟันของมกร เขี้ยวของนาค แต่ในทางศัพท์บาลี คำว่า มกระก็ดี นาคะก็ดี ยังอาจหมายถึง “ช้าง” อีกด้วย ดังนั้น ทั้ง “มกรทันต์” - “นาคทันต์” จึงอาจแปลได้ว่า “งาช้าง” ซึ่งมีลักษณะเป็นแท่งสามเหลี่ยม ใช้ปักหรือค้ำยันเพื่อให้เกิดความมั่นคง

            คำว่า “มกรทันต์” ผู้รู้กล่าวว่าปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกเล่ม 7 ที่่ว่าด้วยพระวินัยปิฎก หมวดจุลลวัคค์ (จุลวรรค) ภาค 2 ที่กล่าวถึงหมวดย่อยเรื่อง “เสนาสนะขันธกะ” (เสนาสนขันธกะ) อันเป็นหมวดว่าด้วยเรื่องการก่อสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับพระภิกษุ รวมทั้งการถวายทานกุฏิ วิหารของฝ่ายฆราวาสที่มีศรัทธาต่อพระภิกษุรูปต่างๆ 

            อนึ่ง การสร้างเสนาสนะในพุทธศาสนา ไม่ใช่ว่าจะสร้างได้ตามใจชอบ ต้องมีแบบแผนกฎเกณฑ์ค่อนข้างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการแบ่งแยกพระภิกษุที่มาจากวรรณะต่างๆ ไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำต่ำสูงต่างศักดิ์ จนเกิดปมด้อยปมเด่นข่มกัน

            ที่อยู่อาศัยของพระภิกษุควรดูงดงามเรียบร้อยเสมอกัน จึงได้ปรากฏข้อบัญญัติดังกล่าว เป็นพุทธานุญาตว่าพระภิกษุสามารถอาศัยอยู่ภายในอาคาร 5 ประเภทดังนี้ 1. วิหาร (กุฏิปกติ) 2. เพิง (อัฑฒโยคะ) 3. เรือนเป็นชั้นๆ (ปราสาท) 4. เรือนโล้น (หลังคาตัด – หัมมิยะ) ภาษาล้านนาเรียก วิหารหลังเปียง 5. ถ้ำ หรือคูหา 

            ต่อมาได้มีเศรษฐีหรือบรรดาเชื้อพระวงศ์จำนวนมากที่มีความประสงค์จะสร้างที่อยู่ถวายแด่พระสงฆ์ของพระบรมศาสดา อันเป็นที่มาของการกำหนดข้อบังคับไว้มากมายเพื่อป้องกันคำครหา หรือความไม่เหมาะสมแก่ฐานานุรูปของเพศบรรพชิต ทำให้ต้องมีการระบุข้อควรมี-ไม่ควรมี เรื่องรายละเอียดปลีกย่อยในส่วนของ หน้าต่าง ประตู ผ้าม่าน ผ้าปูเตียง ลิ่มสลัก ลูกกรง ในกรณีของผนังรองรับหลังคาสามารถมี “มกรทันต์” คือแผ่นสามเหลี่ยม คล้ายงาช้าง (หรือที่คนไทยเรียก “หูช้าง”) ประดับได้แค่พองาม

            ปราชญ์ล้านนาหลายท่านจึงเชื่อว่า “นาคทันต์” น่าจะเป็นคำที่ถูกต้อง เพราะแผลงมาจาก “มกรทันต์” ซึ่งมีปรากฏอยู่ในพระวินัยปิฎกนั่นเอง

            สรุปได้ว่า ศัพท์สองคำมีที่มาและคำอธิบายแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง “นาคทัณฑ์” - “นาค” คือเนื้อหาที่อยู่ภายในกรอบสามเหลี่ยม โดยฝ่ายนี้มองว่ารูปตัวละครในวรรณกรรมอื่นๆ เช่นกินรี หนุมาน นั้นเป็นการประยุกต์มาทำขึ้นภายหลัง ส่วน “นาคทันต์”- “นาค” ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเนื้อหา แต่เป็นรากศัพท์ที่แปลได้ว่า “งาช้าง-เขี้ยวนาค” หรือกรอบสามเหลี่ยม ดังนั้นนาคในความหมายหลังนี้ ค่อนข้างเป็น “นามธรรม” มากกว่า “รูปธรรม” ไม่ว่านิยามความหมายใดจะถูกหรือผิดก็ตาม ผู้เขียนพยายามเสนอสองมุมมองของคำสองคำที่แตกต่างกันนี้ เพื่อให้ผู้อ่านช่วยกันพินิจพิเคราะห์อย่างละเอียดต่อไป

…..เรียบเรียงโดย….ดร.เพ็ญสุภา  สุขคตะ…..

1

ข่าวอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

#โชว์รูมฮุนไดเชียงใหม่นิธิบูรณ์ Hyundai Deal SEOUL Good with The all-new SANTA FE Hybrid​...

#โชว์รูมฮุนไดเชียงใหม่นิธิบูรณ์ Hyundai Deal SEOUL Good with The all-new SANTA FE Hybrid​  Motor Expo Campaign ที่สุดแห่งดีล ฟีลเกาหลี​ เป็นเจ้าของ The all-new SANTA FE Hybrid​ รถเอสยูวีไฮบร...


  • ข่าวยานยนต์
  • |
  • 27 พ.ย. 2568, 11:30
  • |
  • 194

เอชดีเจมอเตอร์ ฮุนไดเชียงใหม่ ส่งมอบรถ Hyundai IONIQ 5 Exclusive ให้ลูกค้าคนพิเศษ พร้อมขอบ...

เอชดีเจมอเตอร์ ฮุนไดเชียงใหม่ โดยที่ปรึกษาการขาย ร่วมแสดงความยินดีพร้อมส่งมอบรถใหม่ Hyundai IONIQ 5 Exclusive สีทอง ให้กับ คุณศุภิสรา รัศมีพลังสันติ พร้อมขอขอบคุณที่ให้เกียรติมาเป็นครอบครัวฮุนได ...


  • ข่าวยานยนต์
  • |
  • 25 พ.ย. 2568, 13:27
  • |
  • 399

มอบรถ Hyundai CRETA ALPHA สีดำ

เอชดีเจมอเตอร์ ฮุนไดเชียงใหม่ โดยที่ปรึกษาการขาย ร่วมแสดงความยินดีพร้อมส่งมอบรถใหม่  ให้กับ คุณศราวุธ บัวล้อม Hyundai CRETA ALPHA สีดำ  ขอขอบคุณที่ให้เกียรติมาเป็นครอบครัวฮุนได สอบถามรายละเอ...


  • ข่าวยานยนต์
  • |
  • 22 พ.ย. 2568, 14:29
  • |
  • 228

ปลายปีนี้พบงานแสดงรถยนต์ทั้งที่เซ็นทรัลเชียงใหม่เฟสและที่แอร์พอร์ต

งานแรก 18-24 พฤศจิกายน 2568 งานนี้จัดโดย MG ไทยแลนด์งาน MG City DRIVEมีรถยนต์ MG มาให้แฟนๆ ได้ทดลองขับครบทุกรุ่นใครอยากได้รุ่นไหนก็แจ้งทีมงานขอทดลองขับได้เลยงานนี้สำนักงานใหญ่มาเองเพื่อยอดขายให้ได้สูง...


  • ข่าวยานยนต์
  • |
  • 20 พ.ย. 2568, 19:05
  • |
  • 405

มิตซูแสงชัยจัดหนัก งาน Exclusive Test Drive "XForce Garden" มหาสุขฟาร์ม Mahasuk Farm

พิเศษเฉพาะงาน Exclusive Test Drive "XForce Garden"• จองในงานทุกรุ่น รับทันที กระเป๋า Gym bag ของแท้ จากแบรนด์ Mitsubishi• รับข้อเสนอพิเศษแคมเปญเดียวกับ Motor Expo 2025แล้วพบกันได้ที่งาน Exclusive Test...


  • ข่าวยานยนต์
  • |
  • 18 พ.ย. 2568, 19:36
  • |
  • 214

HyundHyundai Deal SEOUL Good with The all-new SANTA FE Hybrid ​ Motor Expo Campaign ที่สุด...

HyundHyundai Deal SEOUL Good with The all-new SANTA FE Hybrid ​Motor Expo Campaign ที่สุดแห่งดีล ฟีลเกาหลีOpen for More Utility อีกขั้นของความสะดวกสบายไปกับ The all-new SANTA FE Hybrid พร้อมที่วางขวดน...


  • ข่าวยานยนต์
  • |
  • 15 พ.ย. 2568, 12:16
  • |
  • 492
Sytiq Company

ออกแบบพัฒนาโปรแกรมและแอพลิเคชั่น

โดยบริษัทไซทิค ติดต่อ:0819507128

Sytiq Company

ออกแบบและติดตั้ง Home Automation

โดยบริษัทไซทิค ติดต่อ:0819507128