บูมท่องเที่ยว ฟื้นศก.เชียงใหม่ ภาครัฐ-เอกชนร่วมระดมกึ๋น สิ้นโควิด เริ่มมีสัญญาณรอด

ภาครัฐและเอกชน เชียงใหม่ รุกขับเคลื่อนกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการท่องเที่ยว หลังโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย โดยใช้แพลตฟอร์มการเจรจาธุรกิจ Virtual Business Matching ในรูปแบบ Online หวังใช้ประโยน์จากเทคโนโลยีที่มีเพื่อนำมาส่งเสริมการท่องเที่ยว มุ่งเป้าช่วยเหลือและส่งเสริมผู้ประกอบด้านการท่องเที่ยวจากที่ย่ำแย่มาในช่วงโรคระบาดหนัก คาดเพิ่มรายได้ให้ผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท 
 

 องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชียงใหม่ สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ และวิทยาสื่อและศิลปะมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดงานแถลงข่าว โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการท่องเที่ยว กิจกรรมการพัฒนาผู้ประกอบการที่อยู่ภายใต้เครือข่ายสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จังหวัดเชียงใหม่ โดยใช้แพลตฟอร์มการเจรจาธุรกิจ Virtual Business Matching ในรูปแบบ Online โดยมีนางวิภาวัลย์ วรพุฒิพงศ์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ นางสาวสุลัดดา ศรุติลาวัณย์ ผู้อำนวยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ นายจุลนิตย์ วังวิวัฒน์ ประธานกรรมการหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ นายพัลลภ แซ่จิว ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชียงใหม่ พล.ต.ต ปชา รัตนพันธ์ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ และอาจารย์ ดร.ดนัยธัญ พงษ์พัชราธรเทพ รองคณบดีฝ่ายบริการสังคมและวิจัย และหัวหน้าศูนย์ China Intelligence Center (CIC) ร่วมแถลงข่าว ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติเชียงใหม่แกรนด์วิว โรงแรมเชียงใหม่แกรนด์วิว จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2565 
 

ด้วยสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ในการที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เนื่องจากประสบวิกฤตร้ายแรงจากโรคระบาด COVID-19 นางวิภาวัลย์ วรพุฒิพงศ์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ได้กล่าวถึงมุมมองด้านการขับเคลื่อนของเศรษฐกิจของภาครัฐว่า ข้อมูลของกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานว่า ตัวเลขการเดินทางทั่วโลกในช่วง 5 เดือนแรก (มกราคม-พฤษภาคม 2565) ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อเทียบปี 2564 
 

อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวโลกยังมีปัจจัยลบในหลายด้าน อาทิ จำนวนที่นั่งสายการบิน (seat capacity) อยู่ที่ระดับ 20-25% เมื่อเทียบกับปี 2562 การขาดแคลนบุคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว อัตราเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น 
หากดูตัวเลขรายเดือนพบว่า เดือนมกราคมมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ -96.4% กุมภาพันธ์ -95.8% มีนาคม -93.9% และค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้น โดยเดือนกรกฎาคมได้มีการยกเลิก Thailand Pass มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาทะลุ 1 ล้านคน เป็นเดือนแรกส่งผลให้ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น และพบว่านักท่องเที่ยวที่เข้ามาประเทศไทยในช่วงแรกของเดือนส่วนใหญ่เลือกจุดหมายปลายทางเป็นที่รู้จักเป็นหลัก โดยมีปัจจัยบวกดังนี้ 
 

1.การเพิ่มขึ้นของจำนวนเที่ยวบิน 2.การยกเลิก Thailand Pass 3.การท่องเที่ยวของกลุ่มครอบครัวในช่วงปิดภาคเรียน 4.การเป็นเดสติเนชั่น (Destination) สำคัญของนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพ 
 

 ดังนั้นทางองค์การบริหารจังหวัดเชียงใหม่ จึงตั้งเป้าประสงค์ในการวางแผนยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวร่วมกับหลายภาคส่วน เพื่อทำให้เชียงใหม่เป็น “Chiang Mai as world of destination.” โดยเราตั้งเป้ายอดขายของผู้ประกอบการ ที่เข้าร่วมโครงการไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท 
 ทางภาคส่วนของฝั่งเอกชน นายพัลลภ แซ่จิว ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ได้จัดทำโครงการที่จะกระตุ้น เน้นย้ำ สรรพกำลังทุกองค์กร ในการที่จะผลักดันอุตสาหกรรมธุรกิจท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ จึงทำให้เกิดโครงการ “กระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการท่องเที่ยว กิจกรรมการพัฒนาผู้ประกอบการที่อยู่ภายใต้เครือข่ายสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จังหวัดเชียงใหม่ โดยใช้แพลตฟอร์มการเจรจาธุรกิจ Virtual Business Matching ในรูปแบบ Online” โดยมีเป้าหมายช่วยเหลือ และส่งเสริมผู้ประกอบด้านการท่องเที่ยว 
 

โดยได้มีการนำแพลตฟอร์ม ที่ได้รับการบูรณาการร่วมกับภาคการศึกษา จากทางวิทยาลัย ศิลปะ สื่อ และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในการที่จะสร้างประสบการณ์ใหม่ และนำพาผู้ประกอบการก้าวข้ามการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล เพื่อเพิ่มศักยภาพในการนำไปต่อยอดช่องทางการเจรจาธุรกิจในรูปแบบใหม่ สามารถที่จะช่วยประหยัดเวลา ค่าใช้จ่าย ย่อโลกของธุรกิจเพียงแค่ปลายนิ้ว และปลอดภัย โดยในกิจกรรมทางผู้ประกอบการจะมีโอกาสได้เจรจากับคู่ค้าจากต่างประเทศโดยใช้แพลตฟอร์ม Virtual Business Matching อันได้แก่ เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ จีน ญี่ปุ่น และ อินเดีย จากผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวในเชียงใหม่ร่วมกว่า 50 ราย และคาดการณ์ว่าจะสามารถก่อให้เกิดอัตราการซื้อขาย ส่งออก และสร้างประสิทธิภาพ ประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่
 ผู้อำนวยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ กล่าวถึงภาพรวมทางด้านการท่องเที่ยวว่า การท่องเที่ยวเป็นความหวังสำคัญของการพลิกฟื้นเศรษฐกิจภายหลังจากการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ซึ่งสถานการณ์เริ่มดีขึ้่นมานั้นตลาดการท่องเที่ยวในประเทศไทยมีการเปิดการเดินทางมากขึ้น นโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของภาครัฐในภาพรวมส่วนใหญ่ก็จะกระตุ้นการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นเราเที่ยวด้วยกัน หรือทัวร์เที่ยวไทย เชียงใหม่เองก็เป็นจุดหมายปลายทางที่คนส่วนใหญ่ต้องการเดินทางมาท่องเที่ยว ก็ทำให้ภาพรวมการท่องเที่ยวภาคเหนือกระเตื้องขึ้นมาอย่างชัดเจน
 

หลังจาที่มีการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 การนำ Virtual Business Matching เป็นการใช้ประโยน์จากเทคโนโลยีที่เรามีเพื่อนำมาส่งเสริมการท่องเที่ยว ในตอนนี้นับว่าเป็นเวลาที่เหมาะสมแล้วที่จะเราจะส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงรุกเนื่องจากเราตั้งรับมานานแล้ว ประกอบการสถานการณ์ในตอนนี้ปรับเปลี่ยนไปค่อนข้างเร็ว การเปิดการเดินทางเพิ่มขึ้นหลายช่องทาง ดังนั้นการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการ
 ประธานกรรมการหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีเป็นเรื่องที่ไม่ไกลตัว หากใครได้เข้าใกล้ถึงเทคโนโลยีก่อนจะยิ่งได้เปรียบ สำหรับVirtual Platform Business หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ขับเคลื่อนมานานมากแล้ว เมื่อก่อนอาจจะดูว่าเป็นเรื่องไกลตัว ยังไม่มีการเวิร์ค ฟอร์ม โฮม ทำงานที่บ้านกัน ดังนั้นเจอโควิดเป็นตัวกระตุ้นจึงทำให้เราต้องหันมามองเทคโนโลยีมากยิ่งขึ้น 
 

ทั้งนี้ ด้านการท่องเที่ยวเป็นหัวใจหลักในการสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศไทย หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่เองก็ได้รับงบประมาณส่วนหนึ่งมาจากอบจ. ขับเคลื่อนทิศทางด้านการท่องเที่ยวที่เพิ่งจบโครงการไปก็คือการบ่มเพาะผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจร้านอาหาร สปา หรือคอสเมติกส์ต่างๆ เพราะฉะนั้นปัจจุบันการท่องเที่ยวจะไม่ใช่เป็นรูปแบบด้านการท่องเที่ยวปกติทั่วไปจำเป็นต้องเสริมและขยายฐานออกไปให้มากขึ้น โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการท่องเที่ยว ที่ได้มีการจัดแถลงข่าวในครั้งนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยผู้ประกอบการในการขยายฐานลูกค้าได้ก้าวไกลมากยิ่งขึ้น
 

ด้านนายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ผู้ประกอบการของสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ที่เข้าร่วมโครงการนี้มากกว่า 80% มีทั้งกลุ่มโรงแรม ที่พัก บริษัทนำเที่ยว รวมถึงแหล่งท่องเที่ยว อาทิ คุ้มเสือ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี หรือสวนพฤกษ์ศาสตร์ เป็นต้น ซึ่งทางโครงการตั้งเป้าไว้ที่ 50 ผู้ประกอบการ ตอนนี้เข้าร่วมมากกว่า 30 รายแล้ว คาดว่าผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่จะเข้าร่วมโครงการครบตามจำนวนอย่างแน่นอน
 ขณะที่รองคณบดีฝ่ายบริการสังคมและวิจัย และหัวหน้าศูนย์ China Intelligence Center (CIC) วิทยาลัยศิลปะ สื่อ และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวในภาพของการศึกษาว่า การเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยีทำให้วงการการศึกษาทั่วโลกได้รู้จักกับการเรียนการสอนในรูปแบบ ‘ออนไลน์’ มาแล้วได้พักใหญ่ ซึ่งที่ผ่านมาวิกฤต COVID-19 เหมือนเป็นตัวเร่งให้ภาคการศึกษามีการปรับกลยุทธ์การเรียนการสอนในรูปแบบออนไลน์มากขึ้น แต่เนื่องจากทางแคมป์เป็นองค์กรที่เน้นการเรียนการสอนในเรื่องดิจิทัลอยู่แล้ว จึงทำให้ทางคณะมีการเรียนรู้และปรับตัวได้ไม่ยาก
 

สำหรับแพลตฟอร์มที่ทางวิทยาลัย ศิลปะ สื่อ และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้พัฒนา มาปรับใช้ และถูกขับเคลื่อนโดยองค์กร หน่วยงานต่างๆ นั้น เนื่องจากปัจจุบันเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น ทางมหาลัยนั้นพยายามนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในส่วนของการช่วยเหลือผู้ประกอบการในการติดต่อสื่อสาร และทำการค้ากับต่างประเทศให้ได้ง่ายมากขึ้น และใช้ต้นทุนในการทำธุรกิจกับต่างประเทศได้น้อยลง เนื่องจากเมื่อก่อน การเจรจาธุรกิจต่างๆ จำเป็นต้องเดินทางไปพูดคุยแบบเห็นหน้ากัน แบบตัวต่อตัว แต่ปัจจุบัน การใช้เทคโนโลยี Virtual Business Matching นั้น สามารถลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง อีกทั้งยังทำให้ผู้ประกอบการรายย่อยเล็กๆนั้น มีโอกาสสามารถพูดคุยกับ Buyer หรือ นักธุรกิจรายใหญ่ได้