แบรนด์ อิมดีม อินเตอร์เนชั่นแนล (Indeem International) ฉลองการเข้าสู่ปีที่ 5 ทุ่มงบ 50 ล้านบาท ก้าวสู่ความท้าทายใหม่ด้วยการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ ภายใต้แนวคิด “Better Indeem Better You” หวังชิงเค้กธุรกิจเครือข่ายที่มีมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ด้วยการแตกไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ มากกว่า 100 SKUs โดยจะเน้นสินค้ากลุ่ม ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์ เพื่อคนรัก สุขภาพ และผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนัก หวังปูพรมให้ ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ พร้อมวางแผนต่อยอด แพลตฟอร์ม “พันล้าน” (PHANLAAN) ให้เป็นมากกว่าช่องทางการจัดจำหน่าย สินค้าผ่านแพลตฟอร์ม ออนไลน์ แต่เป็น “มาร์เก็ตเพลส” ที่เน้นสร้างเครือข่ายผู้บริโภคที่แข็งแกร่ง คาดดันรายได้ปี 2566 โตฉลุย มั่นใจภายใน 3 ปี พร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
นายสมภพ ปั้นศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินดีม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าในลักษณะแบบเครือข่าย(Multi-level Marketing หรือ MLM) กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทเตรียมงบการตลาดไว้ประมาณ 50 ล้านบาท โดยมีแผนจะรุกตลาดออฟไลน์มากขึ้น เนื่องจากปีที่ผ่านมา ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ยอดขายฝั่งออนไลน์เติบโตค่อนข้างมาก แต่เมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย ผู้คนเริ่มโหยหาการออกมาใช้ชีวิตนอกบ้าน อินดีมฯ เลยตั้งใจปรับกลยุทธ์มาโฟกัสในส่วนของออฟไลน์ ด้วยการติดอาวุธความรู้ เพิ่มทักษะให้สมาชิกนักธุรกิจ พร้อมกับปรับปรุงแผนรายได้สมาชิกให้ได้ประโยชน์มากขึ้น
อินดีมฯ มีเป้าหมายจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ภายใน 3 ปีจากนี้ ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม เราจึงตั้งใจรีแบรนด์ใหม่ทั้งหมด ภายใต้แนวคิด Better Indeem Better You ด้วยการต่อยอดจุดแข็ง เดิมของอินดีมฯ ซึ่งเป็น MLM ที่มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนธุรกิจ ทำให้มีระบบหลังบ้านที่ดีและแพลตฟอร์มใช้งานง่าย พร้อมสร้างจุดแข็งใหม่ ด้วยการเพิ่มไลน์อัพผลิตภัณฑ์ใหม่ ให้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้คน ครอบคลุมความต้องการของลูกค้ามากขึ้น จากเดิมที่มีเฉพาะผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสกินแคร์
สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มเติมขึ้นมา และจะทยอยเปิดตัวภายในปีนี้ ประกอบด้วย 6 กลุ่ม ได้แก่
● กลุ่มอาหารเสริม อาทิ ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ ที่มีงานวิจัยที่เป็นที่ยอมรับรองรับ เช่น น้ำมันเมล็ดงาดำสกัด, ถังเช่าสกัดออร์แกนิก และผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในการดูแลน้ำหนัก
● กลุ่มสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดบ้าน ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกายและเส้นผม (Personal care) โดยจะชูจุดเด่นในเรื่องผลิตภัณฑ์ ที่เป็นออร์แกนิกและลดการใช้พลาสติก เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
● กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อการเกษตร
● กลุ่มสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งมีทั้งสินค้าเพื่อสุขภาพ และกลุ่มดูแลตัวเอง
● กลุ่มเครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์บำรุงผิว
● กลุ่มเครื่องปรุง
“สำหรับกลุ่มเครื่องปรุง ถือเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของอินดีมฯก็ว่าได้ เพราะที่ผ่านมา ธุรกิจ MLM จะไม่มีสินค้ากลุ่มนี้ แต่เรามองว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีดีมานด์ เป็นสินค้าที่ทุกครัวเรือนได้ใช้ ที่สำคัญ เรายังมีแต้มต่อสำคัญ จากการมี NRF หรือ บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ผลิตและส่งออกอาหารและเครื่องปรุงรสชั้นนำมาเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้น นอกจากนี้ ยังมี บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY เข้ามาเสริมทัพ โดยสบายมีความแข็งแกร่งทางด้านเทคโนโลยีที่หลากหลาย ทำให้อินดีมมีความได้เปรียบในแง่ช่องทางการจัดจำหน่าย สามารถกระจายสินค้าให้เข้าถึงลูกค้าได้ครอบคลุมเกือบทั่วประเทศ”นอกจากนี้ นายสมภพ ระบุด้วยว่า ปีนี้ เรายังเตรียมเปิดตัวบัตรสมาชิกอัจฉริยะ ให้กับสมาชิกนักธุรกิจ ซึ่งในอนาคตจะต่อยอดให้สามารถนำไปใช้ซื้อสินค้าที่ตู้ Vending ของ SABUY ได้อย่างสะดวกสบาย อีกทั้งยังมีแคมเปญใหญ่เพื่อตอบแทนสมาชิกนักธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นแคมเปญแจกรถไฟฟ้าเทสลา เมื่อจำนวนยอดขายถึงเป้าที่วางไว้ ตลอดจนทริปท่องเที่ยว ล่องเรือสำราญในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และโปรแกรมสะสม INDEEM Reward ที่ได้จากการสั่งซื้อสินค้าอินดีมฯทุกครั้ง เพื่อนำไปแลกรางวัลและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ
สำหรับเป้าหมายในอนาคต นายสมภพ คาดว่า จากกลยุทธ์ทั้งหมด จะผลักดันอินดีมฯสู่รายได้เป้าหมาย 300 ล้านบาท และทำให้บริษัทเติบโตอย่างแข็งแกร่ง พร้อมสำหรับการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ภายใน 3 ปีจากนี้
“ผมมองว่า ถ้าเราสามารถพาบริษัทไปถึงจุดนั้นได้ นอกจากจะส่งผลดีต่อบริษัท ยังส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นที่มีต่อธุรกิจ MLM และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับผู้ที่อยู่ในอาชีพนี้ ไม่ต้องถูกมองในแง่ลบ แต่สามารถเป็นกระเป๋าที่สองหรือสามของคนยุคนี้ได้ ด้วยเงินลงทุนหลักพันก็สามารถก้าวสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจของตัวเองได้” นายสมภพทิ้งท้าย
ด้าน นายอรรฆรัตน์ นิติพน ประธานบริหาร บริษัท อินดีม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า จากการร่วมหุ้นของสบาย และ NRF อิมดีมจึงเป็นธุรกิจ MLM รายแรกของไทยที่มีบริษัทในตลาด หลักทรัพย์ถึง 2 แห่งมาถือหุ้น ซึ่งเป็นการตอกย้ำอีกครั้งว่า อินดีมฯ เป็นบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือ และสร้างความมั่นใจให้กับสมาชิกเป็นอย่างดี
นายอรรฆรัตน์ ยังเสริมด้วยว่า อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่อินดีมฯ มองว่าจะเป็นจุดแข็งสำคัญ คือ การ ต่อยอดแพลตฟอร์ม “พันล้าน” (PHANLAAN) ที่เดิมเป็นศูนย์รวมแหล่งช้อปปิ้งออนไลน์ชั้นนำจากทั่ว ทุกมุมโลก เพื่อรองรับทั้งกลุ่มลูกค้าสมาชิกและกลุ่มลูกค้าใหม่ ให้สามารถเลือกซื้อสินค้า และได้รับเงิน คืนกลับมาในรูปแบบของ โบนัสเงินคืน (Cashback) และ สะสมคะแนน (Point) มาสู่การเป็น “มาร์เก็ตเพลส” ที่กระตุ้นให้เกิดการซื้อขายแลกเปลี่ยนที่เพิ่มขึ้น โดยในเดือนเมษายนนี้ ทางอิมดีมฯ จะเปิดตัว พันล้าน เวอร์ชั่นอัพเกรด ที่ใช้งานง่ายขึ้น พร้อมเปิดโอกาสให้เจ้าของแบรนด์ หรือร้านค้า นำสินค้า มาเสนอขายได้ บนแพลตฟอร์มได้ ข้อดีคือ นอกจากร้านค้าจะได้รับสิทธิประโยชน์ ต่างๆ มากขึ้น ยังมีช่องทางในการ เข้าถึงเครือข่ายผู้บริโภคที่แข็งแกร่ง พร้อมจะอุดหนุนสินค้าเป็นประจำทุกเดือน
“อินดีมฯ ตั้งเป้าว่า หลังจากเปิดตัวแพลตฟอร์ม “พันล้าน” เวอร์ชันอัพเกรด จะทำให้จำนวน ผู้ใช้งานแพลตฟอร์มเพิ่มขึ้นเท่าตัว จากปัจจุบันที่มีฐานลูกค้าที่ใช้แพลตฟอร์มพันล้าน ราว 2 แสนคน ซึ่งจะส่งผลดีต่อการทำ Data Driven Marketing ช่วยให้สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมความต้องการ ของผู้บริโภคแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ช่วยให้ออกแบบการนำเสนอสินค้า และโปรโมชั่น ที่นำไปสู่การปิดการขายได้ง่ายขึ้น”