"ทศพล" ย้ำ 4 ภารกิจด่วน เชียงใหม่ต้องเร่งทำ เศรษฐกิจ - ความมั่นคง ภัยธรรมชาติ และสังคม

"ทศพล เผื่อนอุดม" ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ คนใหม่ มอบนโยบายการทำงานให้กับส่วนราชการต่างๆ เผย ตั้งใจจะพัฒนาเชียงใหม่ มุ่งขับเคลื่อน 4 ภารกิจเร่งด่วน ตามนโยบายของรัฐบาล ทั้งเศรษฐกิจ ความมั่นคง ภัยธรรมชาติ และสังคม พร้อมเตรียมรับมือปัญหาหมอกควันไฟป่า PM 2.5 ให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม
 

ลที่ห้องประชุม 3 ชั้น 3 อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานประชุมหารือข้อราชการสำคัญในการปฏิบัติราชการของจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเตรียมความพร้อมในการขับเคลื่อนภารกิจสำคัญต่างๆ โดยมี นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด นายศิวะ ธมิกานนท์ นายศิวกร บัวป้อง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานต่างๆในจังหวัดเชียงใหม่ เข้าร่วมประชุม
 

นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ตนมีความตั้งใจที่จะกลับมาพัฒนาจังหวัดเชียงใหม่เป็นอย่างมาก อีกทั้งมีความตั้งใจทุ่มเททำงานตอบแทนคุณแผ่นดินโดยน้อมนำแนวพระราชดำริมาเป็นแนวทางในการดำเนินงาน ควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล ในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับประชาชนชาวจังหวัดเชียงใหม่อย่างเต็มกำลังความสามารถ และให้เกิดเป็นรูปธรรมแบบชัดเจน 
 

ขณะเดียวกัน อยากให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานต่างๆในจังหวัด มีความกระตือรือร้นในการขับเคลื่อนภารกิจเร่งด่วนทั้ง 4 ภารกิจ ตามนโยบายของกระทรวงมหาดไทย ได้แก่ ด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคง ภัยธรรมชาติโดยเฉพาะการแก้ปัญหาดินสไลด์ น้ำป่าไหลหลาก และภัยทางสังคม เพื่อให้เชียงใหม่เป็นนครแห่งชีวิตและความมั่งคั่ง ที่เป็นที่สุดแห่งความสง่างามทางวัฒนธรรม บนพื้นฐานของการกระจายโอกาสอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน
 

ทั้งนี้ อีกหนึ่งภารกิจสำคัญที่ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ อยากที่จะพัฒนาให้กับพี่น้องประชาชนชาวเชียงใหม่ คือการแก้ปัญหาหมอกควันไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็ก โดยผู้ว่าราชการจังหวัดฯ มีความตั้งใจอย่างยิ่งที่จะแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้ดียิ่งขึ้น ภายใต้ 3 หลักการ คือ การป้องกันจากแหล่งกำเนิด การลดผลกระทบทางด้านสุขภาพ และบูรณาการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน ตั้งแต่การเตรียมการป้องกัน จนถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนในอนาคต เพื่อลดปัญหาหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ให้ได้มากที่สุด

ส่วนปัญหาน้ำท่วมขังซ้ำซาก ในพื้นที่ชุมชนสำคัญ และทางสาธารณะที่กระทบกับวิถีชีวิตของประชาชนนั้น เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่เทศบาลตำบลช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้เรียกประชุมหน่วยงานเพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ชุมชนช่างเคี่ยน โดยมีนายศิวกร บัวป้อง รอง ผวจ. พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และนายคเชน เจียกขจร นายกเทศมนตรีตำบลช้างเผือก เข้าร่วม ซึ่งได้รายงานต่อที่ประชุมถึงปัญหาในพื้นที่ว่า ด้วยปัจจัยจากฝนตกหนักในพื้นที่ และพื้นที่ชุมชนช่างเคี่ยน เป็นพื้นที่รองรับน้ำที่ไหลมาจากอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังในพื้นที่ชุมชน ในเขตชุมชนช่างเคี่ยนมากถึง 3 ครั้ง ทั้งนี้ เทศบาลตำบลช้างเผือกได้เข้าไปแก้ไขปัญหาเบื้องต้น ด้วยการระบายน้ำลงคลองชลประทานและที่ลุ่มต่ำ พร้อมประสานขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานระดับจังหวัดต่างๆ ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วม นอกจากนั้น ได้ประชุมหารือเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำในช่วงน้ำหลากในพื้นที่ชุมชนช่างเคี่ยน และตรวจสอบพื้นที่น้ำท่วมร่วมกับเจ้าหน้าที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่แตง (คลองชลประทาน) เพื่อหาแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าว
 

​ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จุดท่วมซ้ำซากใหม่ที่รอการแก้ไขอีกแห่งคือ ทางหลวง 107 เชียงใหม่-แม่ริม ช่วงหน้ากองพันสัตว์ต่าง เมื่อฝนตกหนักทุกครั้งก็จะมีน้ำไหลจากค่ายพระเจ้าตากสิน ออกมาท่วมขังบางครั้งทั้ง 4 ช่องจราจรขาขึ้น-ล่อง เช่นเมื่อเช้าวันที่ 10 ก.ย.68 รถเล็กผ่านออกไม่ได้ ค่ายทหารได้ให้ใช้ทางเบี่ยงเข้าค่ายไปออกด้านหน้า เช่นเดียวกับถนนสมโภช 700 ปี น้ำฝนจาก ต.สันผีเสื้อ ทั้งสองด้านท่วมนองผิวทางจนเกิดรถติดอย่างหนักในเช้าวันเดียวกัน 
​ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 9 ก.ย. 68 นายทศพล เผื่อนอุดม ผวจ.เชียงใหม่ พร้อมด้วย สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดเชียงใหม่ นายกเทศมนตรีตำบลช้างเผือก และตัวแทนจากส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่สำรวจระบบการระบายน้ำและติดตามการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ชุมชนช่างเคี่ยน ต.ช้างเผือก ภายหลังจากได้มีการประชุมหารือถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปแล้ว และได้มาลงพื้นที่สำรวจสถานที่จริง โดยผู้ว่าฯ และคณะไปสำรวจระบบระบายน้ำ ที่บริเวณประตูระบายน้ำชุมชนช่างเคี่ยน และบริเวณสี่แยกถนนช่างเคี่ยน-เจ็ดยอด ซึ่งทั้ง 2 จุดนี้ ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการระบายน้ำออกจากพื้นที่ชุมชนช่างเคี่ยนในยามที่เกิดวิกฤตการณ์อุทกภัย โดยมีคลองชลประทานที่อยู่ข้างๆ เป็นพื้นที่สำหรับรองรับการระบายน้ำ
 

​จากการสำรวจ ในส่วนของประตูระบายน้ำชุมชนช่างเคี่ยน เดิมทีกรมโยธาธิการและผังเมืองได้นำเครื่องสูบน้ำมาติดตั้งไว้จำนวน 2 เครื่อง ตั้งแต่ปี 2555 ประสิทธิภาพอาจจะลดลงไปบ้างตามกาลเวลา แต่ยังทำงานได้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางเทศบาลตำบลช้างเผือก ได้อนุมัติงบประมาณในการจัดหาเครื่องสูบน้ำมาติดตั้งเพิ่มอีก 1 เครื่อง รวมเป็นทั้งหมด 3 เครื่อง เพื่อเสริมกำลังระบบระบายน้ำของประตูระบายน้ำชุมชนช่างเคี่ยน โดยคาดว่าจะพร้อมนำมาติดตั้งได้ภายในไม่เกิน 2 สัปดาห์นี้ เพื่อให้ทันในฤดูฝน และเมื่อติดตั้งแล้วจะสามารถช่วยระบายน้ำได้ประมาณ 5 คิวต่อวินาที สำหรับการแก้ไขระยะยาว อาจจะต้องมีการออกแบบนวัตกรรมเชิงโครงสร้างที่จะช่วยให้ระบายน้ำข้ามถนนไปลงยังคลองชลประทาน โดยไม่ให้กีดขวางเส้นทางจราจร ซึ่งจะต้องมีการหารือรายละเอียดถึงความเป็นไปได้กันอีกครั้ง 
 

​ ส่วนที่บริเวณสี่แยกถนนช่างเคี่ยน-เจ็ดยอด ตรงจุดนี้จะมีไซฟ่อน (Siphon) หรือทางระบายน้ำที่ใช้หลักการถ่ายเทน้ำช่วย แต่เนื่องจากไซฟ่อนที่มีอยู่เดิมได้ถูกใช้งานมานาน ทำให้อาจจะมีสิ่งอุดตันอยู่บ้าง ซึ่งการแก้ไขอาจจะต้องให้เจ้าหน้าที่ลงไปใต้ท่อเพื่อสำรวจ และนำสิ่งที่อุดตันออกจากไซฟ่อน โดยอาจจะต้องดำเนินการแก้ไขได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในช่วงหน้าแล้ง แต่ในเบื้องต้นได้มีการนำเครื่องสูบน้ำจากกรมโยธาธิการและผังเมืองมาประจำการ เพื่อช่วยรองรับการสูบระบายน้ำไว้ในเบื้องต้นไปจนกว่าจะสิ้นสุดฤดูฝน 
อย่างไรก็ตาม ผวจ.เชียงใหม่ ย้ำว่า จากนี้จะมีการเกาะติดสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง สิ่งใดที่เป็นเรื่องเร่งด่วนและสามารถทำได้ จะต้องทำในทันที บางเรื่องที่อาจจะต้องใช้คำสั่งทางปกครองก็จะให้ทางนายกเทศมนตรีฯ ตัดสินใจเบื้องต้นได้เลย ทางจังหวัดฯ พร้อมที่จะให้การสนับสนุน เพราะเป็นปัญหาเกี่ยวกับความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน 
​ 

ส่วนการติดตามความคืบหน้าโครงการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างพื้นฐาน (แม่น้ำปิง) ระยะเร่งด่วน นายทศพล เผื่อนอุดม ลงเรือตรวจสอบความคืบหน้าและการดำเนินงานขุดลอกน้ำปิงย่าน ต.ฟ้าฮ่าม อ.เมืองเชียงใหม่ ได้รับรายงานจาก สำนักงานพัฒนาภาค 3 ว่า ผลการดำเนินการทั้งโครงการ ระยะทาง 41 กม. แล้วเสร็จมากกว่า 74.57% โดยเฉพาะในเขตตัวเมืองแล้วเสร็จ มากกว่า 94.84%  ผวจ.เชียงใหม่กล่าวชื่นชมการทำงานของทุกภาคส่วน ที่คำนึงถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเป็นหลัก ภายใต้การปฏิบัติหน้าที่ด้วยความมุ่งมั่น ประณีต เป็นมืออาชีพ และจากสถานการณ์พายุวิภา พายุคาจิกิ ที่ส่งผลให้อัตราการไหลของลำน้ำปิงต่อวินาทีเฉลี่ยใกล้เคียงกับปีที่แล้ว แต่ระดับน้ำในแม่น้ำปิงไม่ได้ยกระดับสูงขึ้น เหมือนปีที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่าหลังการขุดลอกส่งผลดีต่อศักยภาพในการรับมือกับพายุฝนตกหนักในฤดูการนี้ แม้จะยังไม่ได้ถอดบทเรียนอย่างเป็นทางการ แต่ผลลัพธ์ที่แสดงให้เห็นเชิงประจักษ์อย่างชัดเจน 
“ผมขอเป็นส่วนหนึ่งที่จะเป็นข้อโซ่กลางเชื่อมโยงการปฏิบัติภารกิจนี้ให้สำเร็จลุล่วง พร้อมทั้งทีมเชียงใหม่จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เตรียมพร้อมรับมือทุกด้าน ต้องไม่ประมาท พร้อมสร้างความมั่นใจให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ และทีมเชียงใหม่ จะเคียงข้างประชาชนชาวเชียงใหม่ ให้ผ่านฤดูฝนนี้ไปด้วยกันอย่างปลอดภัยครับ” นายพศพล กล่าว.